“ถ้าให้พูด ณ วันนี้มีโอกาสได้พูดแล้วก็ขออนุญาตแจ้งให้ทราบนะคะว่านัทเองก็ได้ยุติความสัมพันธ์กับคุณอั้มแล้วค่ะ หมายถึงว่ายุติความสัมพันธ์ในความเป็นสามีภรรยา ก็มีความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”

มันเกิดอะไรขึ้น?

“ขออนุญาตไม่ตอบในเรื่องของเหตุผล เพราะนัทคิดว่าการใช้ชีวิตคู่มันมีหลากหลายปัจจัยจริงๆ เราได้พูดคุยตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รับรู้กันทั้งสองฝ่าย แล้วก็จบกันด้วยดี”

เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่?

“ก็สักพักแล้วค่ะ”

ตามข่าวลือมีพาดพิงไปถึงบุคคลที่สามด้วย?

“ที่โยงถึงบุคคลที่สาม อันนี้มันนอกเหนือความควบคุมจริงๆ นัทเข้าใจในทุกสถานการณ์ ก็เลยคิดว่ามันเป็นธรรมดาที่คนจะตีความกันไป แต่ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียด เอาเป็นว่านัทกับคุณอั้มได้คุยตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เป็นเพื่อนกันค่ะ”

ก่อนหน้านี้อั้มบอกว่ายังไม่ได้เลิก?

“อันนี้นัทก็ไม่ทราบ เอาเป็นว่ามันมีการพูดคุยแล้วจริงๆ”

เรื่องการหย่าได้มีการจดทะเบียนสมรสกันมั้ย?

“คือนัทก็ไม่ได้จดทะเบียนค่ะ ก็เลยไม่ได้หย่า ไม่ได้หย่าจริงค่ะ เพราะว่าไม่ได้จดค่ะ”

เรื่องแหวนนิ้วนางข้างซ้ายที่ยังใส่?

“วงที่ใส่มาวันนี้เป็นแหวนของคุณแม่ แหวนแต่งงานของคุณพ่อคุณแม่ คือวงข้างใน แล้ววงข้างนอกเป็นของนัทเองซื้อตอนอายุ 20 แหวนวงแรกที่ตัวเองซื้อ แหวนแต่งงานของคุณพ่อคุณแม่มันหลวม ก็เลยใส่เป็น 3 วง พ่อแม่ลูกอยู่ในนิ้ว มันเป็นแหวนที่มีความทรงจำที่ดี คุณแม่กับคุณพ่อแต่งงานตอนอายุ 27 มันน่าจะ 50 ปีขึ้นไปสำหรับแหวนวงนี้ ส่วนวงนี้เป็นแหวนแต่งงานของคุณปู่ คุณย่า พอดีเรามาเห็นมันนึกขึ้นแล้วมีความอบอุ่นใจก็เลยใส่”

หลายคนเป็นห่วงความรู้สึกเราที่โพสต์ภาพขาวดำ?

“รูปพวกขาวดำมันเป็นรูปที่นัทชอบอยู่แล้ว ไม่มีนัยอะไรทั้งสิ้น แต่อาจจะอยู่ในช่วงไทม์มิ่งนั้นพอดี แต่ไม่มีอะไรที่เศร้า แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ แม้แต่ข้อความนัทมองว่านัทเป็นคนที่เขียนอะไรที่มีอะไรให้คนคิดแล้วเตือนตัวเองด้วย เหมือนปรัชญา ความคิด ทัศนคติ ซึ่งนัทลงมาหลายปีแล้ว นัทมองว่าการที่เราได้อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับความรู้สึกที่เป็นพลังงานดีๆ อย่าประมาทกับชีวิต มันเป็นเรื่องการมองโลกที่ดี ก็เลยแค่เขียนไปเท่านั้นเอง แต่ก็ต้องขอขอบคุณที่หลายๆคนให้กำลังใจ สำหรับความรู้สึก จิตใจตอนนี้ มีความสุขมากๆ สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ คือนัทโชคดี ที่มีคนรอบข้างที่ดี”

การตัดสินใจมันยากมั้ย?

“คือ 15 ปี คบกัน 5 ปี แล้วก็แต่งงาน 10 ปี เราก็ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน แล้วก็มีทั้งความสุข มีทั้งความทุกข์ มีทั้งสิ่งที่ต้องฝ่าฟันไปด้วยกัน ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งมันจะเกิดการที่เราจะต้องแยกย้ายกันเดิน มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ นัทอยากให้มันเป็นเรื่องของความเข้าใจว่านัทมีความสุข นัทขอบคุณกับทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้น ไม่มีอะไรที่ไม่ดีเลยค่ะ (ยิ้ม)”

การแยกย้ายกันมันมีน้ำตามั้ย?

“มีน้ำตามั้ยเหรอ นัทว่าน้ำตามันมาหลายวาระโอกาส นัทบอกแล้วว่าชีวิตคู่มันไม่ได้ยิ้มอย่างเดียว มันต้องมีมุมหัวเราะ ร้องไห้ แต่ว่าวันนี้นัทไม่ได้มีน้ำตาที่เป็นเรื่องอะไรที่ไม่ดีแล้ว นัทมองว่าตอนนี้นัทมีความสุข อยู่กับปัจจุบันจริงๆค่ะ”.

หลังจากโสดแล้ววางแผนชีวิตต่อไปยังไง?

“ก็ใช้ชีวิตตามปกติเลยค่ะ ตามความเป็นจริง เราใช้ชีวิตให้มันเป็นเรื่องง่ายๆ สบายๆ แล้วก็มีความสุขกับการที่เราได้ใช้ชีวิตในการทำงาน อยู่กับคนที่เรารัก”

สุขภาพเป็นไงบ้างหลายคนเป็นห่วง?

“นัทเป็นเนื้องอกค่อนข้างใหญ่ แต่ว่าไม่อันตราย นัทค่อนข้างผอมก็เลยจะเห็นชัด เพราะมันอยู่ท้องน้อยข้างล่าง ก็ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องผ่า มันมีโพรเซสของนัทที่จะต้องมอนิเตอร์ต่อว่าถ้าเกิดอีกสักระยะที่เราหมดฮอร์โมนว้าวุ่น (หัวเราะ) พอถึงเวลานั้นถ้าเค้ายังใหญ่อยู่ก็เอาออกได้ ถ้าเกิดช่วงนี้ยังใช้ชีวิตอยู่ได้ก็อยู่กับน้องเค้าไปก่อน แล้วถึงเวลาก็จะเล็กไปเองตามวัย นัทเคยผ่านการทำ ivf ทำน้องแบบเด็กหลอดแก้ว 4 รอบมันก็เป็นฮอร์โมนที่เราใช้ มันเป็นการกระตุ้นให้มันเติบโตขึ้น นัทกลับมารับประทานอาหารที่เป็นพืชผักมากขึ้น ปรับมาได้ 2 ปีกว่าแล้วที่เห็นเราลีน เพราะไม่ทานเนื้อสัตว์มาก ก็เหลือเรื่องนอน ปรับเรื่องนอนให้เร็วขึ้น แล้วเรามีสุขภาพจิตที่ดี แข็งแรงทั้งกายและใจ นัทเชื่อว่ามันผ่านไปได้”

ณ วันนี้ยังเชื่อในความรักมั้ย?

“มองความรักยังไง สำหรับนัทมองว่าความรักเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ ความรักอยู่กับเราตลอดเวลา นั่นคือตัวเราเอง เมื่อไหร่ที่เรารักตัวเอง เราสามารถที่จะรักคนอื่นได้”.