จากข้อมูลระหว่างปี 2007-2021 พบการระบาดของโนโรไวรัสในจีนทั้งหมด 1,725 ครั้ง โดย 89.22% เกิดขึ้นในโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็ก ชี้ให้เห็นว่าเด็กในสถานที่เหล่านี้มีความเสี่ยงสูง ในปี 2015 พบว่าเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีติดเชื้อคิดเป็น 15.6% การติดต่อจากคนสู่คนมีสัดส่วนสูงถึง 73.16% ส่วนใหญ่มาจากการจัดการอาเจียนที่ไม่ถูกวิธีและการทำความสะอาดที่ไม่เพียงพอในโรงเรียน
อาการและความรุนแรงของโรค
เมื่อติดเชื้อโนโรไวรัส ผู้ป่วยจะมีอาการดังนี้
– ถ่ายเหลวเป็นน้ำ
– ปวดท้อง
– คลื่นไส้
– อาเจียน
– ปวดศีรษะ
– มีไข้ต่ำๆ
– ปวดเมื่อยตามตัว
– อ่อนเพลีย
อาการจะเริ่มแสดงภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังได้รับเชื้อ และอาจอยู่นาน 2-3 วัน ในรายที่รุนแรง โดยเฉพาะเด็กที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที
กรณีการระบาดในเซี่ยงไฮ้
เหตุการณ์ระบาดในเซี่ยงไฮ้เริ่มต้นเมื่อเด็กคนหนึ่งกลับมาเรียนหลังหายจากอาการป่วยครบ 72 ชั่วโมง วันที่ 27 เมษายน 2024 ศูนย์ควบคุมโรคเขตผู่ตงได้รับรายงานว่ามีเด็กหลายคนอาเจียนในโรงเรียนอนุบาล จากการสอบสวนพบว่าเด็กคนแรกเคยมีอาการอาเจียนและท้องเสียที่บ้าน แต่หลังจากหายดีครบ 72 ชั่วโมงจึงกลับมาเรียนในวันที่ 25 เมษายน หลังจากนั้นไม่นาน มีเด็กอีก 11 คนเริ่มแสดงอาการ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ดำเนินการหลายอย่างเพื่อควบคุมการระบาด ทั้งเพิ่มมาตรการตรวจสอบและทำความสะอาดในโรงเรียน กำหนดให้เด็กที่ป่วยต้องพักอยู่บ้านจนกว่าจะหายดีครบ 72 ชั่วโมงก่อนกลับมาเรียน มีการเก็บตัวอย่างจากเด็กและสิ่งแวดล้อมเพื่อตรวจหาเชื้อ ผลยืนยันว่าเป็นการระบาดของโนโรไวรัส เด็กทุกคนหายเป็นปกติภายในวันที่ 6 พฤษภาคม 2024
เปิดต้นตอ โนโรไวรัส ระบาดในจีน ยังไม่มีวัคซีน-ยารักษา แพร่กระจายง่ายมาก เปิดต้นตอ โนโรไวรัสระบาดในจีน ยังไม่มีวัคซีน-ยารักษา แพร่กระจายง่ายมาก
ช่องว่างภูมิคุ้มกันจากช่วงล็อกดาวน์โควิด-19
การระบาดที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลังมีความเชื่อมโยงกับช่องว่างภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นในช่วงล็อกดาวน์โควิด-19 เพราะมาตรการเว้นระยะห่างและการปิดโรงเรียนทำให้การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อต่างๆ รวมถึงโนโรไวรัสลดลงมาก การที่เด็กถูกกักตัวและมีโอกาสสัมผัสเชื้อน้อยลง ทำให้ไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ
เมื่อโรงเรียนเปิดอีกครั้งในเดือนกันยายน 2020 และกิจกรรมทางสังคมกลับมาเป็นปกติ จำนวนผู้ป่วยโนโรไวรัสก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเด็กๆ กลับมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แออัดซึ่งเชื้อแพร่กระจายได้ง่าย การกลับมาสัมผัสเชื้ออย่างฉับพลันนี้นำไปสู่การระบาด โดยเฉพาะในโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็กที่เด็กอยู่ใกล้ชิดกัน
เปิดต้นตอ โนโรไวรัส ะบาดในจีน ยังไม่มีวัคซีน-ยารักษา แพร่กระจายง่ายมาก เปิดต้นตอ”โนโรไวรัสระบาดในจีน ยังไม่มีวัคซีน-ยารักษา แพร่กระจายง่ายมาก
ผลกระทบต่อสาธารณสุข
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือยารักษาโนโรไวรัสโดยเฉพาะ การรักษาจึงทำได้เพียงบรรเทาอาการ เช่น ให้สารน้ำเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ และให้ยาแก้อาเจียนถ้าจำเป็น ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือขาดน้ำมากอาจต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อรับน้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ
วิธีป้องกันที่ดีที่สุด
– ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ (เจลแอลกอฮอล์ไม่สามารถทำลายโนโรไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ) โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำ ก่อนกินอาหาร และหลังเปลี่ยนผ้าอ้อม
– หลีกเลี่ยงอาหารและน้ำที่ไม่สะอาด
– ทำความสะอาดพื้นผิวที่ผู้ป่วยสัมผัสหรือที่อาจปนเปื้อนด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
– ผู้ป่วยควรงดทำอาหารให้ผู้อื่นจนกว่าจะหายดีอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
– เด็กที่ป่วยควรหยุดเรียนจนกว่าจะหายดีเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
สรุปได้ว่า เหตุการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นความท้าทายอย่างต่อเนื่องจากการระบาดของโนโรไวรัสในพื้นที่ปิด เช่น โรงเรียน และย้ำเตือนถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามแนวทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ทั้งเรื่องการกักตัวและสุขอนามัย เพื่อลดโอกาสเกิดการระบาดในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ