“ทนายแจม” ตั้งข้อสงสัย อบรมอาสาตำรวจจีนคนละ 38,000 บาท ด้าน “ศุภมาส” รมว.อว. สั่งตรวจสอบแล้ว เร่งทำความจริงให้ปรากฏ ประสานมหาวิทยาลัยชี้แจง หากพบความผิดปกติ ดำเนินการตามมาตรการทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์รูปพร้อมข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) หลายครั้ง มีใจความระบุว่า ตำรวจท่านหนึ่งส่งมาให้ น่าสนใจว่าการอบรมอาสาตำรวจคนจีน โดยมีค่าอบรมคนละ 38,000 นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติกระทำได้หรือไม่ อย่างไร และค่าแรกเข้าอบรมนี้เป็นรายได้เข้าส่วนไหน ค่าใช้จ่ายจัดอบรมใช้งบประมาณส่วนใด มีการใช้เครื่องหมายตำรวจตราแผ่นดินออกบัตรได้หรือไม่
ทั้งนี้ ในประเด็นดังกล่าว ผกก.สส.บก.น.3 ได้ตอบประเด็นนี้ ในรายการข่าวเที่ยง PPTV ว่า มีการอบรมหลักสูตรนี้จริง แต่ตำรวจแค่ไปเป็นวิทยากร จัดโดยมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เป็นการอบรมนักศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายไทย เพื่อให้ความรู้กฎหมาย ทางตำรวจไม่ทราบเรื่องค่าใช้จ่ายหลักสูตร และไม่รู้เรื่องการแจกหมวก เสื้อกั๊ก และบัตร ทางตำรวจแจ้งว่าเป็นการอบรมแล้วจบไป ไม่ได้ไปทำงานจริงๆ แต่น่าสงสัยว่า บก.น.3 ไปทำอะไรถึงห้วยขวาง ที่เป็นพื้นที่ บก.น.2 หรือมหาวิทยาลัยที่อยู่พื้นที่ บก.น.9 ไปเกี่ยวโยงกันได้อย่างไร การที่มีลายเซ็นตำรวจระดับ ผกก. บนบัตรรับรองแบบนั้น จะเป็นการอบรมกฎหมายธรรมดาอย่างไร
ขณะที่ล่าสุดวันนี้ (2 มกราคม 2568) น.ส.สุชาดา ซางแทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะโฆษกกระทรวง อว. เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวว่ามีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเปิดคอร์สให้คนจีนมาอบรม “อาสาตำรวจคนจีน” พร้อมอ้างถึงความร่วมมือกับสำนักงานสืบสวนกลาง กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 โดยมีค่าใช้จ่ายต่อหัวคนละ 38,000 บาทนั้น ซึ่งหลังจากทราบข่าว น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ก็ได้สั่งการให้นายศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. เร่งดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้ได้มีการประสานไปยังมหาวิทยาลัยดังกล่าวแล้วเพื่อให้ชี้แจงกลับมาโดยด่วน เช่น วัตถุประสงค์ของการจัดคอร์สอบรมว่าทำไปเพื่ออะไร และอยู่ในขอบเขตที่ควรกระทำหรือไม่
“ยืนยันว่ากระทรวง อว. ไม่ได้นิ่งนอนใจ และกำลังเร่งทำความจริงให้ปรากฏ หากพบความผิดปกติหรือไม่ถูกต้องกระทรวง อว. ก็จะเข้าไปจัดการและดำเนินการตามมาตรการที่มีทันที”