“พิชัย” รอ “สถิตย์” ถก “ปลัดคลัง” เคาะชื่อแคนดิเดต ประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่ แทน “กิตติรัตน์” ยัน จ่ายเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุได้รับเงินแน่ตรุษจีนนี้ “จุลพันธ์” เผย ระบบเงินดิจิทัลเฟส 3 แล้วเสร็จในเดือน มี.ค. ด้าน “เผ่าภูมิ” จ่อติวเข้มแบงก์ชาติ ไม่พอใจเงินเฟ้อ 67 หลุดกรอบ
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยถึงการสรรหาผู้ที่จะรับการสรรหาเป็นประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ด ธปท.) คนใหม่ หลังจากที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ไม่ผ่านคุณสมบัติ เนื่องจากเป็นข้าราชการการเมือง ว่า ขณะนี้กำลังดูอยู่ ซึ่งน่าจะใกล้แล้ว โดยทางนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลังกำลังหารือกับ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานคณะกรรมการสรรหาฯ ส่วนจะใช้รายชื่อชุดเดิมหรือไม่ อยู่ระหว่างการพิจารณา ยืนยันว่าการสรรหาจะเร็วที่สุด และคงจะทราบหลังจากที่กระทรวงการคลังเป็นผู้เสนอ
ทั้งนี้ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวเพิ่มเติมถึงการดำเนินการร่วมกับ ธปท.ว่า ไม่พอใจที่อัตราเงินเฟ้อปี 67 ออกมาอยู่ที่ 0.4% ถือว่าต่ำมาก และต่ำกว่ากรอบเงินเฟ้อทั้งปี 1-3% เพราะคลังได้หารือกับ ธปท.มาตั้งแต่ต้นปีแล้ว ถึงกรณีกรอบอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ ดังนั้น เมื่อปี 68 มีการกำหนดกรอบไว้ที่ 1-3% จะพยายามดันอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับ 2% ให้ได้ และเมื่อเงินเฟ้อไต่ระดับไปถึงค่ากลางได้ ถือเป็นการสะท้อนนโยบายการเงินแบบที่ควรจะเป็น
“ช่วงกลางปี 67 เคยมีการพูดคุยกันแล้วว่า กรอบเงินเฟ้อต่ำมาก ควรใช้มาตรการทางการเงินมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนปี 68 รมว.คลัง และผู้ว่าการ ธปท. ได้หารือถึงกรอบเงินเฟ้ออย่างเข้มข้น แบบผู้ใหญ่ๆคุยกันแล้ว และมีข้อสรุปที่หนักแน่นมาก ดังนั้น ต้องรอผลการดำเนินการนโยบายทางการเงินในระยะต่อไป”
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการเติมเงิน 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 หรือแจกเงิน 10,000 บาท ให้กลุ่มผู้สูงอายุที่ได้ลงทะเบียนไว้ราว 3.5-4 ล้านคนนั้น ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะทำการโอนเงินก่อนวันตรุษจีนหรือก่อน 29 ม.ค.นี้ โดยขอหารือกับนายกรัฐมนตรี เพื่อกำหนดวันเวลาเคาะวันโอนเงิน 10,000 บาทอีกครั้ง โดยจะประกาศรายชื่อผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และเว็บไซต์ทางรัฐ เนื่องจากเป็นช่องทางเดียวกับที่เปิดให้ลงทะเบียน โดยผู้สูงอายุสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ประมาณวันที่ 20-21 ม.ค.นี้
“คลังและสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ ดีจีเอ ได้ร่วมกันตรวจสอบข้อมูลเพื่อความถูกต้อง คาดว่าปลายสัปดาห์นี้ข้อมูลจะเรียบร้อย จากนั้นจะใช้เวลาอีก 3-4 วัน แล้วจึงส่งให้กรมบัญชีกลางตรวจสอบก่อนโอนเงินอีก 7-8 วัน โดยผู้สูงอายุจะต้องไปผูกบัญชีธนาคารกับหมายเลขบัตรประชาชนเป็นระบบพร้อมเพย์ให้เรียบร้อย ซึ่งจะมีการโอนซ้ำ 3 ครั้ง หากสิ้นสุดระยะเวลาการโอน 3 ครั้งแล้ว เงินที่เหลือจะส่งคืนคลังทั้งหมด”
นายจุลพันธ์กล่าวว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาท สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุนั้น ใช้เงิน 35,000-40,000 ล้านบาท ซึ่งขนาดเล็กกว่าการเติมเงินเฟสแรก เพราะฉะนั้นผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจจะไม่มากนัก แต่รัฐบาลมีหลายมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 150,000 ล้านบาท ได้แก่ การจ่ายเงินโครงการไร่ละพัน วงเงิน 30,000 ล้านบาท แจกเงิน 10,000 บาท กลุ่มผู้สูงอายุ 35,000-40,000 ล้านบาท โครงการอีซี่ อี-รีซีท หักลดหย่อนภาษี ซึ่งจะเริ่ม 16 ม.ค. – 28 ก.พ.68 คาดว่าจะมีเม็ดเงินใช้จ่ายเกิดขึ้นใหม่ ราว 70,000 ล้านบาท รวมทั้งเงินหมุนเวียนจากโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชนอีก 10,000-20,000 ล้านบาท และในไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะมีการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ระยะที่ 3 ถือเป็นการเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปี 68 อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตในระดับ 3% ให้ได้
การแจกเงินดิจิทัลเฟส 3 ขั้นตอนปฏิบัติในขณะนี้ของโครงการก็ถือว่ามีความใกล้เคียงกันในเรื่องของช่วงเวลาในเดือน ก.พ.-มี.ค. แต่ส่วนตัวยังไม่ได้มีการฟังการปราศรัยของนายทักษิณ โดยทุกอย่างก็ต้องมีกระบวนการในการทดสอบหลังจากที่ได้รับมอบตัวระบบมาแล้ว โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) ที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบก็ต้องมีการทดสอบระบบ รวมถึงต้องมีการหารือกันว่าจะทำ Sandbox ด้วยหรือไม่ เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจว่าระบบจะทำงานได้สมบูรณ์ หลังจากนั้นประมาณไตรมาส 2 จึงจะสามารถดำเนินการได้ ส่วนระบบจะเสร็จในเดือน มี.ค.ได้หรือไม่นั้น ต้องมีการทดสอบระบบช่วงหนึ่งก่อน แต่ไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินได้ และก็ยืนยันว่ายังได้เงินอยู่เหมือนเดิม ส่วนเฟส 3 จะเป็นเฟสสุดท้ายหรือไม่นั้น ก็ต้องดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง.