ไม่ยอมความ! มิ้นต์ ชาลิดา แจ้งความหลังน้องชายถูกชาวต่างชาติทำร้าย เจอคำพูด ตร.อึ้งหนักมาก

Author:

จากกรณี น้องชาย มินต์ ชาลิดา อย่าง มอส ราชัย วิจิตรวงศ์ทอง หลังเข้าไปช่วยพนักงานในร้าน เนื่องจากมีการแจ้งว่าชาวต่างชาติบุกรุกเข้ามาทำร้ายร่างกายพนักงานในร้าน แต่สุดท้ายก็ถูกทำร้ายเสียเอง งานนี้ครอบครัวไม่ยอมเข้าแจ้งความเรียบร้อยหวั่นว่าเรื่องจะเงียบ เพราะนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวมีแพลนกลับประเทศบ้านเกิดต้นเดือนตุลาคมนี้

โดยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2024 เวลาประมาณตี 2 ทางพนักงานของร้านได้โทรศัพท์เข้ามามาขอความช่วยเหลือจากน้องชายของมิ้นต์ ว่ามีชาวต่างชาติเข้ามาบุกรุกและทำร้ายร่างกายพนักงาน มอส เลยรีบขับรถไปที่ร้านเพื่อไกล่เกลี่ยปัญหา แต่ชาวต่างชาติผู้ก่อเหตุกลับมาทำร้ายร่างกาย มอส ด้วยการแตะเข้าที่หน้า และก็ได้เข้าไปแจ้งความเรียบร้อยแล้ว

หลังเกิดเหตุได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทันที ซึ่งตำรวจใช้เวลา 40 นาที ในการเดินทางมาถึง และไม่สามารถควบคุมคนก่อเหตุได้ในทันที จึงมีการประสานเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมและควบคุมไปยังสถานีตำรวจ

สาวมิ้นต์ เผยว่า ขณะอยู่บนสถานีตำรวจผู้ก่อเหตุยังคงไม่มีท่าทีสลด ยังเดินมาหาน้องชายที่นั่งอยู่ต่อหน้าตำรวจได้ตามปกติ และผู้ก่อเหตุไม่พกพาสปอร์ต มีเพียงชื่อที่สามารถให้ข้อมูลกับตำรวจได้ ก่อนจะปล่อยตัวผู้ก่อเหตุกลับบ้านไป

จากนั้นตำรวจแจ้งว่าต้องรอคุณหมอเข้าในสัปดาห์หน้า จะใช้เวลาอีกราว 7 วัน ให้ทางเจ้าหน้าที่นิติเวชเข้าตรวจร่างกายของน้องชาย ซึ่งกว่าจะได้หมายเรียก ก็ถึงวันที่ผู้ก่อเหตุมีแผนเดินทางกลับประเทศในวันที่ 3 ตุลาคม แล้ว ซึ่งอาการของผู้ก่อเหตุในตอนนั้นมันดูไม่ใช่การมึนเมาปกติ อาจจะต้องมีการตรวจปัสสาวะเพิ่มเติมเพื่อหาสารเสพติด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่ตรวจ

โดยในช่วงหนึ่ง สาวมิ้นต์ เผยว่าสิ่งที่กังวลที่สุดคือเรื่องนี้จะเงียบหายไป เนื่องจากตำรวจ แนะนำว่าให้อภัยผู้ก่อเหตุเพื่อเห็นแก่ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ

คำพูดที่พูดกับเรากับน้อง เราเป็นคนไทย ปล่อยไปเถอะต่างชาติ เพื่อประเทศเราจะได้แบบไม่เป็นไรนะ เราแบบ เฮ้ย มันได้เหรอ การที่ถูกเตะ ถูกทำร้ายร่างกาย แต่พูดว่าเราเป็นคนไทย เราต้องยอมต่างชาติ มันไม่ถูกต้อง ในการที่เราได้ยินจากน้องมาจากที่เราขึ้นกับผู้ต้องหาแล้ว แต่เราก็มีความสงสัยในคำตอบของทางตำรวจเหมือนกันว่ามันได้เหรอ

สาวมิ้นต์ และ หนุ่มม่อน ยังยอมรับว่ารู้สึกโกรธมากกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมาครอบครัวไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ พ่อแม่เห็นคลิปแล้วก็น้ำตาตกใน ลูกไหว้ย่อขอชีวิตแล้วแต่ยังถูกเตะเข้าที่หน้า คือทางน้องก็บอกเราว่าไม่เจ็บ ไม่เป็นไรไม่อยากให้เราไม่เป็นห่วง

ส่วนตัวไม่อยากใช้ชื่อเสียงที่สร้างมากับเรื่องแบบนี้ แต่เพราะกลัวไม่มีความคืบหน้าของคดีและคนก่อเหตุจะลอยนวล จึงต้องออกมาปกป้องน้องชายพร้อมย้ำว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ตอนนี้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้พยายามสืบข้อมูลของผู้ก่อเหตุด้วยตัวเอง ไม่กังวลว่าภาพลักษณ์ของร้านจะเสีย เพราะต้นเหตุไม่ได้เกิดจากร้าน แต่เกิดจากตัวชาวต่างชาติร้ายดังกล่าวเพียงคนเดียว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *