เชฟอ้อย เปิดใจปมโดนจับ รับสิ้นหมุนเงินไม่ทัน ขายลูกชิ้นไม่ดี หลังออกรายการดัง ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบหนีหรือไม่จ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย
หลังจาก พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รรท. ผบช.สอท. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. สั่งการ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.กฤช กัญชนะ ผกก.2 บก.สอท.1 ร่วมกันจับกุม นางยุวดี อายุ 54 ปี หรือเชฟอ้อย ชาวอ.วังทอง จ.พิษณุโลก ตามหมายจับของศาลแขวงบางบอนที่ 289/2567 ลงวันที่ 2 ก.ย.2567 ข้อหาความผิดฐานยักยอกทรัพย์ โดยจับกุมได้ที่ห้างดัง แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม.
การจับกุมครั้งนี้มาจากผู้เสียหายรู้จักกับผู้ต้องหาผ่านทางทีวี และเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นเชฟชื่อดัง จึงติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหาร ก่อนพูดคุยจนเกิดความสนิทสนมกัน ผู้ต้องหาเห็นว่าผู้เสียหายต้องการจะขายทองคำ เพชร และพระเครื่อง มูลค่ากว่า 2 ล้าน บาท จึงเสนอตัวเป็นนายหน้านำทรัพย์สินดังกล่าวไปทำการขายให้
ผู้เสียหายเห็นว่า ผู้ต้องหาเป็นเชฟชื่อดังและเป็นที่รู้จักในวงการ จึงยอมให้ผู้ต้องหานำทรัพย์สินดังกล่าวไป เพื่อทำการขาย แต่ผ่านไปหลายเดือน ผู้เสียหายทราบภายหลังว่าผู้ต้องหาด้นำทรัพย์สินไปมัดจำ เพื่อเปิดร้านอาหาร จึงทวงถามกลับมายังผู้ต้องหา พบเป็นความจริง จึงเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.บางบอน
ต่อมาชุดสืบสวนแกะรอยจนทราบว่า ผู้ต้องหามาอยู่ที่บริเวณห้างดังกล่าว จึงนำกำลังเข้าจับกลุ่มสอบสวนให้การรับสารภาพว่า นำทรัพย์สินของผู้เสียหายไปจริง โดยสาเหตุมาจากหมุนเงินไม่ทัน
ด้านเชฟอ้อย กล่าวว่า นำเพชรจากผู้เสียหายไปขายจริง โดยทำหน้าที่นายหน้า เอาไปให้โปรดิวเซอร์รายการทีวีช่องดัง ซึ่งทางนั้นยังไม่ได้จ่ายเงินเรา แต่ช่วงเวลาที่นำเพชรมาครั้งแรก เราได้ควักเงินจ่ายให้ผู้เสียหายไปก่อน 500,000 บาท แต่ต่อมาภายหลังได้ออกรายการดัง กรณีที่มีปัญหาเรื่องลูกชิ้น ทำให้ขายไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ขาดสภาพคล่องไม่สามารถผ่อนคืนให้ผู้เสียหายได้
“เชฟไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบหนีหรือไม่จ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย ที่ผ่านมาพยายามติดต่อผู้เสียหายมาโดยตลอดและพยายามที่จะขอไกล่เกลี่ย เพื่อที่จะชดใช้เงินให้เต็มจำนวน”