ตำรวจไซเบอร์บุกค้น 3 จุด รวบซัพพลายเออร์จัดหาบัญชีม้าส่งนายทุนจีนคอลเซ็นเตอร์

Author:

ตำรวจไซเบอร์ บุกค้นสระแก้ว 3 จุด รวบผัวเมียซัพพลายเออร์ ทำหน้าที่จัดหาบัญชีม้าส่งนายทุนจีนคอลเซ็นเตอร์ หลังเกิดเหตุสลด หมอนวดสาวโดนหลอกลงทุน

วันที่ 12 ต.ค. 2567 พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.สอท. รรท.ผบช.สอท. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 พ.ต.ท.สมิทธิกิจ อินทรหอม รองผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.สอท.2 นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ 158-160/2567 ลงวันที่ 6 กันยายน 2567 เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายในพื้นที่ จ.สระแก้ว จำนวน 3 จุด

โดยจุดแรกค้นบ้านเลขที่ 93 ต.บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จับกุมนายอัครเดช มีเสงี่ยม อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.952/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 และ น.ส.ศิวตา อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.956/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567

จุดที่ 2 ค้นบ้านเลขที่ 224 ม.10 ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จับกุม นายบุญโจม อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.953/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 น.ส.เกตุสุดา อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.954/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 และ น.ส.สุนารี อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.955/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567

ส่วนจุดที่ 3 ค้นบ้านเลขที่ 215 ม.1 ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว จับกุม นายพิทวัส อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.931/2567 ลงวันที่ 26 กันยายน 2567 โดยผลการตรวจค้นทั้ง 3 จุด สามารถจับกุมตัวผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดรวม 6 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

พล.ต.ต.นิพล กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณี น.ส.สุดารัตน์ อายุ 28 ปี สาวชาว จ.นครพนม ประกอบอาชีพนวดแผนโบราณ ก่อเหตุสลดกระโดดจากเรือข้ามฟากจมดิ่งในแม่น้ำเจ้าพระยา จนเสียชีวิต ขณะลงเรือข้ามฟากจากด้านท่าน้ำนนทบุรี ไปยังท่าน้ำฝั่งบางศรีเมือง ขณะเดินทางกลับที่พักย่านอ.บางกรวย หลังเกิดความเครียดที่เข้าไปสมัครทำงานเพื่อหารายได้เสริม แล้วถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ลงทุน ก่อนใช้อุบายหลอกให้โอนเงินในช่วงวันที่ 5 -6 ก.ย. 67 รวม 8 ครั้ง จนหมดเกลี้ยงบัญชีกว่า 338,000 บาท โดยยอดเงินที่สูญเสียไปทั้งหมดเตรียมนำไปไถ่ถอนโฉนดที่ดินที่จำนองไว้ กระทั่งในช่วงเย็นของวันเดียวกันได้ตัดสินใจก่อเหตุสลด เมื่อวันที่ 6 ก.ย.67

โดยตำรวจชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.2 ทำการสืบสวนจนพบข้อมูลว่าเป้าหมายที่เข้าตรวจค้นทั้ง 3 จุด เป็นสถานที่สั่งการ มีพยานหลักฐานเกี่ยวโยงกับการเสียชีวิตของหมอนวดสาว ที่ถูกกลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินจนหมดเกลี้ยงบัญชี จนเกิดความเครียด ก่อนตัดสินใจดิ่งเจ้าพระยา เพื่อค้นหาพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับการเป็นธุระจัดหา บัญชีเงินฝาก

จากการสืบสวนพบว่าขบวนการนี้มีการแบ่งหน้าที่ต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งจัดหาคนที่ต้องการหารายได้จากการรับจ้างเปิดบัญชีม้า, ผลิต เปิดบัญชีออนไลน์กับธนาคารต่าง ๆ โดยใช้บัญชีเริ่มต้นจากบัญชีผู้ที่จัดหามาในตอนแรก และใช้แอพของทางธนาคาร กับโทรศัพท์เครื่องใหม่ โดยมีผู้รับจ้างเปิดบัญชีเป็นผู้สแกนหน้าและยืนยันตัวตน และเปิดตามออเดอร์ที่ได้รับมาจากนายทุนจีนว่าต้องการบัญชีแบบไหน จำนวนเท่าใด, นำส่ง

เมื่อเปิดบัญชีหรือลงข้อมูลโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ดำเนินการจัดส่งโทรศัพท์ที่ทำขึ้นใหม่พร้อมตัวคนไปให้กับนายทุนจีนที่อยู่ฝั่งปอยเปต, บัญชีแบบสินทรัพย์ดิจิตอล จะจัดทำเพื่อข้ามดินแดนจากประเทศไทยไปแล้ว, มีการแบ่งประเภทบัญชี 2 ประเภท 1.บัญชีที่ตายช้า 2. บัญชีที่ตายเร็ว

พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ กล่าวว่า จากการสืบสวนพบหลักฐานว่า นายอัครเดช และน.ส.ศิวตา สองสามีภรรยาเป็นตัวการสำคัญ โดยทำหน้าที่ซัพพลายเออร์เป็นผู้พาคนขายบัญชีม้า เพื่อคอยสแกนหน้า, เปิดสินทรัพย์ดิจิตอล ฝั่งเพื่อนบ้าน โดยจะรับยอดมาจากบอสชาวจีนโดยตรงเพื่อให้จัดส่งโทรศัพท์ให้ตามจำนวนของคนขายบัญชีม้า และมีนายหน้าจัดหาคนมาให้ตามที่ต้องการ

โดยได้ส่วนแบ่งนายหน้า หัวละ 3,000 บาท คนขายบัญชีม้าได้บัญชีละ 2,500 บาท และถ้าคนขายบัญชีม้าคนไหนมีสมุดบัญชี(บัญชีตายช้า) จะได้บัญชีละ 8,000 บาท และนายหน้าสามารถเปิดบัญชีที่เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดได้ ได้บัญชีละ 100,000 บาท โดยเป็นผู้พาข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้านและรับกลับมาประเทศไทย เมื่อบัญชีถูกอายัดหรือบัญชีตาย

นอกจากนี้จากการสืบสวนยังพบว่ายังมีคนไทยอีกหลายรายที่ทำหน้าที่เป็นซัพพลายเออร์ในลักษณะเดียวกันให้กับนายทุนจีน โดยทางชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลในการติดตามจับกุม

โดยในคดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดรวม 10 ราย ที่ทำหน้าที่เปิดบัญชีสแกนใบหน้า โดยจับกุมได้ก่อนหน้านี้ 3 ราย ซึ่งรวมทั้งหมดที่ติดตามจับกุมได้แล้ว 9 ราย ส่วนที่เหลืออีก 1 ราย อยู่ระหว่างการติดตามตัว

พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเปิดปฏิบัติในครั้งนี้เป็นการตัดวงจรนายหน้าในการพาคนไทยไปเปิดบัญชีม้าที่เป็นต้นตอของการหลอกลวงประชาชนซึ่งการเปิดบัญชีม้าฯ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหยุดยั้งต้นตอการกระทำความผิดไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติต่อไป.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *