ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ชาย อายุ 21 ปี เล่าว่า ตนและภรรยาจดทะเบียนสมรสกันได้ 1 ปี ตนทำงานเป็นพนักงานขับรถอยู่ใน กทม. ปกติจะกลับมาหาภรรยาทุกวันพุธ แต่มาช่วงหลังๆ ตนโทรหาภรรยาเริ่มไม่รับสาย โทรเป็นสิบสายแล้วเขาก็บล็อกตน จากนั้นตนจึงไปปรึกษาแฟนเก่าของตนเรื่องนี้

ตนยอมรับว่าผิดที่ไปคุยกับแฟนเก่า แต่ตนไม่ได้คุยกันในเชิงชู้สาว มีแต่ปรึกษาและเป็นเพื่อนกัน จากนั้นก็มีปัญหากันกับภรรยา และตกลงเลิกกันได้เดือนครึ่ง นัดว่าจะหย่ากันในวันที่ 17 ต.ค.นี้ แต่คืนวันที่ 16 ต.ค.ประมาณ 5 ทุ่ม ขณะที่ตนอยู่ กทม. รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์อะไรตะหงิดใจ จึงขับรถมาจาก กทม.ต้องการมาเก็บของในห้องภรรยา ในพื้นที่บางแสน จ.ชลบุรี แต่เปิดมาก็เจอผู้ชายคนอื่นอยู่ในห้องภรรยา ปิดไฟมืด

ตนจึงเอามือถือมาถ่ายคลิปไว้ ภรรยาก็เข้ามาทำร้ายตน ตบที่หน้าจนเป็นรอยเล็บ ตนก็ผลักออกไป และก็มีปากเสียงกับทางฝ่ายชาย ฝายชายเขาว่า ตนบุกรุกห้องของภรรยาตัวเอง จึงบอกไปว่าตนมีทะเบียนสมรส และเขาก็บอกว่า เขายังไม่ได้มีอะไรกับภรรยาของตน แค่มาคุยกันเฉยๆ

ในคลิปตนยอมรับว่าบุกรุก แต่ก็บอกเขาไปว่าตนจะฟ้องชู้แน่นอน จากนั้นผู้ชายเขาก็กลับไปและภรรยาของตนก็ตามออกไป ตนจึงเดินสำรวจห้องดู เจอถุงยางอนามัยอยู่ในชั้นด้านบนของตู้เสื้อผ้า มีการแกะใช้แล้ว 1 ชิ้น เหลืออีก 1 ชิ้น

เรื่องถุงยาง ภรรยาตนส่งข้อความบอกว่า ไม่ใช่ของเขา และมันหมดอายุแล้ว ซึ่งตนก็ไม่เชื่อ อยู่ในห้องเขาจะเป็นของคนอื่นได้อย่างไร ซึ่งไม่ใช่ของตนแน่นอน และถ้าหมดอายุจริง จะแกะใช้ทำไม ตนจึงบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานในการฟ้องชู้

เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตนเสียใจและเจ็บมาก ที่ภรรยาของตนพาผู้ชายมาที่ห้องแบบนี้ รออีก 1 วันก็ไม่ได้ จะหย่ากันดีๆ อยู่แล้ว พอมีเรื่องตนก็เปลี่ยนใจไม่หย่าแล้ว และรู้แล้วที่เขาเปลี่ยนไป ทั้งบล็อกทั้งไม่อยากพูดคุยมาจากสาเหตุเรา 3 คนนี่เอง ตนจึงขอดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด