เพจ บ้าข่าวไปเรื่อย ได้โพสต์เรื่องราวในวงการเสื้อวินเทจไว้ 3 Ep. โดย Ep.1 ระบุว่า “วงการเสื้อวินเทจ รุ่นพี่บังคับขู่ทำร้ายรุ่นน้องเสื้อวินเทจ ก่อนลากเมียท้อง 8 เดือน ไปขอมีอะไรด้วยบนรถ แถมขู่มีตำรวจรุ่นใหญ่เมืองชลคุ้มกะลาหัวอยู่”
Ep.2 “สองผัวเมียติดหนี้รุ่นพี่ 100,000 กว่า นัดจ่าย 20 ต.ค. ที่ผ่านมา แต่เกิดปัญหาเรื่องเงินกะทันหัน หาเงินมาจ่ายไม่ทัน รุ่นพี่ทำร้ายผัวรุ่นน้องแล้วปล่อยลงข้างทาง ไล่ให้ไปหาเงินมาคืนให้ได้ รุ่นพี่จับเมียรุ่นน้องไว้บนรถ ข่มขู่ขอมีอะไรด้วยทั้งที่ท้อง 8 เดือน”
และ Ep.3 มีการโพสต์รูปของชายรุ่นพี่ลักษณะผมยาวชูนิ้ว และบรรยายว่า “หน้าไอ้รุ่นพี่ที่ทำร้ายรุ่นน้องวงการเสื้อวินเทจ แล้วจับเมียรุ่นน้องเป็นตัวประกัน โดนซ้อมกระทืบหักนิ้วเลือดอาบ แล้วยังไปบังคับขอมีอะไรกับเมียรุ่นน้องด้วย อยู่ที่ จ.ชลบุรี”
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังชายคนดังกล่าวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นรุ่นพี่ที่ก่อเหตุทำร้ายรุ่นน้อง เจ้าตัวได้ให้ข้อมูลว่า ตนเองถึงกับช็อกเลยหลังจากที่เห็นสื่อโซเชียลเอาเรื่องราวไปลง แล้วมีคนเข้ามาด่าตนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น จริงๆ เป็นการนัดชำระหนี้กัน

ตนจะพูดประเด็นแรกเรื่องหนี้สินก่อน พอดีมีการจัดงานเสื้อผ้าวินเทจ แล้วน้องเป็นพ่อค้าก็จะมาเที่ยวอยู่แล้ว หนี้สินที่เกิดขึ้นก็มาจากเสื้อผ้าที่ขายกัน มีรุ่นพี่อีกคนนึงที่เดินทางมาล่วงหน้ามาดื่มกินกัน จากนั้นน้องก็มาถึงช่วงเวลาประมาณตี 1 รุ่นพี่ที่ดื่มอยู่ก่อนก็ได้ชวนไปดื่มกันต่อที่หน้าโรงแรมตรงที่รุ่นพี่พัก พอถึงเช้าตนก็หาโรงแรมให้น้อง แต่ด้วยความที่เป็นวันเสาร์ทำให้ไม่มีห้องว่าง
พอส่งรุ่นพี่ขึ้นห้องเสร็จตนก็ถามรุ่นน้องว่านอนบ้านตนไหม รุ่นน้องบอกว่าไปนอนที่บ้านตนก็ได้ จังหวะนั้นตนก็ถามเรื่องเงินเพราะไม่เห็นมีการพูดเรื่องเงินเลย พอบอกว่าไม่มีเงินตนก็เลยโมโห ได้ลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายไป อันนี้ตนยอมรับว่าการตบต่อยเป็นเรื่องจริง
ส่วนเรื่องที่กล่าวหาว่าตนขู่บังคับขอมีอะไรกับเมียรุ่นน้องที่ท้อง 8 เดือน อันนี้ไม่เป็นความจริง เพราะตนมีโรคประจำตัวอยู่ ตนมีความเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ จึงไม่จริงเลยที่ตนจะขอมีอะไรกับเมียรุ่นน้อง
หลังลงมือทำร้ายร่างกาย ตนก็พาขับรถวนไปคุยกันไป พอโมโหตนก็ทำร้ายซ้ำอีก ยอมรับว่าทำไปเพื่อจะข่มขวัญเพื่อจะเอาเงิน ทางรุ่นน้องบอกแต่ว่าจะหาเงินมาใช้หนี้ ตนจึงได้ถามว่าจะหาเงินมาจากไหน ซึ่งรุ่นน้องก็บอกว่าจะเอารถไปจำนำกับญาติ ตนก็ยังเป็นห่วงและยังได้ถามอีกว่าจะขับรถไหวไหม แล้วเดินทางไปกลับไหวไหม รุ่นน้องก็ตอบว่ากลับไหว
บ้านตนเป็นทาวน์เฮาส์ จึงได้บอกกับน้องไปว่า ถ้าจะเดินทางไปแล้วกลับ ก็ให้แฟนอยู่ที่นี่ก็ได้ จะได้ไม่ต้องลำบากในการเดินทาง ซึ่งหลังจากที่ตนใจเย็นลงแล้วยังได้บอกน้องว่า ถ้าติดใจเอาความเรื่องที่ตนทำร้ายร่างกาย ก็สามารถไปแจ้งความได้
กระทั่งประมาณ 8 โมงเช้า รุ่นน้องก็ได้ขี่รถออกไป และกลับมาช่วงบ่ายสอง พร้อมกับนำเงินมาใชหนี้ 100,000 กว่าบาท ครบตามจำนวน ตนก็ไม่ได้ถามว่าเอาเงินมาจากใครหรือเอามาจากไหน
ในที่เกิดเหตุมีพยานหลายคน ไม่มีการฉุดกระชากลากตามที่บอก รุ่นน้องก็สามารถเดินเข้าออกบ้านได้ตามปกติ นั่งคุยกันตามปกติ และรุ่นน้องก็ยังมาขอโทษตน ตนก็ขอโทษกลับ คิดว่าเไม่มีอะไรแล้วเพราะต่างคนต่างจบ อันไหนที่ผิดตนก็ยอมรับผิด ส่วนอันไหนที่รุ่นน้องผิดจะยอมรับผิดไหมอันนี้ตนก็ไม่ว่าอะไร
เรื่องขืนใจไม่เป็นความจริงแน่นอน เพราะมีพยานอยู่ด้วยหลายคน และอยู่กันแบบ 24 ชั่วโมง ไม่ใช่พามาแล้วอยู่กันสองต่อสอง แบบนี้ตนก็เสียหาย อยากจะแก้ข่าวเพราะตนก็เป็นผู้บริสุทธิ์ ยอมรับผิดในส่วนที่ทำร้ายร่างกายเพราะทวงเงิน 100,000 แล้วไม่ได้แค่นั้นเอง
ส่วนเรื่องที่ว่าตนมีแบ็กใหญ่และมีตำรวจหนุนหลัง อันนี้ไม่เป็นความจริง เพราะตนยังเป็นคนบอกให้เขาไปแจ้งความ ถ้าจะเอาเรื่องที่ตนทำร้ายร่างกาย ตนยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีตำรวจหรือแบ็กหนุนหลังแน่นอน