มิ้น มิณฑิตา เล่าชีวิตรัก คบ ซิลวี่ 4 ปี เหมือนไฟกับน้ำมัน เมินโดนเม้าธ์คบผู้หญิงเพราะผิดหวังจากผู้ชาย

Author:

นักแสดงสาว มิ้น มิณฑิตา เล่าชีวิตรัก คบ ซิลวี่ 4 ปี เหมือนไฟกับน้ำมัน เมินโดนเม้าธ์คบผู้หญิงเพราะผิดหวังจากผู้ชาย

นักแสดงสาว มิ้น มิณฑิตา วัฒนกุล พร้อมเปิดเส้นทางความรักกับนักร้องสาวเสียงดี ซิลวี่ ภาวิดา ที่คบหากันมายาวนานกว่า 4 ปี ท่ามกลางเสียงเม้าธ์ผิดหวังจากผู้ชายจนต้องมาคบกับผู้หญิง ในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31

เรื่องความรักคบกันมากี่ปีแล้ว ? “คบกันมา 4 ปีแล้ว จุดเริ่มต้นมันก็เป็นพรหมลิขิต เราเป็นคนบ้าคลั่งกับพรหมลิขิต ถ้าเกิดเจอแล้วใช่ไปต่อได้แล้วจะไปต่อเลย แต่ถ้าเกิดต้องพยายามในแง่จีบอยู่นั่น มันจะทำลายบรรยากาศอะไรซักอย่าง”

เราไปส่อง IG เขา แล้วหลงรักใน IG ? “ตอน IG เราแค่รู้สึกว่าเขาน่ารักแบบไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ฟีลรู้ว่าน้องเป็นใคร เป็นศิลปินนะ แต่ว่าไม่เคยคิดในเชิงว่าจะเป็นแฟน แค่ว่าน้องเท่ห์ดี ตามใน IG กดไลค์บ้าง แอบหยอดบ้าง คอมเม้นท์แซวน่ารักจังเลย ขออ้อนหน่อยได้มั้ย ก็พูดเล่นไปเรื่อย ยังไม่ได้คิดอะไรเลย”

จุดไหนที่ทำให้เราเริ่มชอบเขาหรือตกหลุมรักเขา ? “เรามารู้ตอนที่คบกันไปนานแล้วว่าเขาไปบอกเพื่อนเรา เขาถามว่ามิ้นชอบผู้หญิงมั้ย สุดท้ายเพื่อนก็จับให้เจอกันโดยที่ไม่ได้บอกเราทั้งคู่แล้วเราก็เลยได้เจอกันในพื้นที่ที่เราไม่ได้คาดหวังว่ามันมีอะไรระหว่างเรา เห็นสายตาแล้วรู้สึกว่าเรากับเขารู้สึกอะไรบางอย่าง”

ก่อนหน้านี้เคยคบผู้หญิงมั้ย ? “ไม่เคย ไม่มีเลย ผู้ชายล้วนๆ ไม่เคยคบผู้หญิงมาก่อน ไม่เคยแม้แต่เป็นคนคุย”

ไม่แปลกใจตัวเองหรอกับความรักครั้งนี้ ? “ไม่ค่อยแปลกใจ คือไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มันมีพื้นที่ที่มิ้นรู้สึกว่ามิ้นไม่ได้เชื่อว่าเราเกิดมาเพื่อคู่กับคนที่สังคมบอกให้คู่ เธอเป็นดาราในมุมของสังคมที่เราจะได้ยินบ่อยๆก็คือ ต้องคบกับไฮโซผู้ชายมีชาติตระกูล เลี้ยงดูเรามันจะมีความคิดเดิมๆ ที่เราต้องทำ

อย่างตัวมิ้นเองเป็นแค่คนโรแมนติกมั้ง รู้สึกว่าอยากเจอคนที่ใจเรากับเขาเข้ากันได้พาให้จิตวิญญาณเราโตได้ทั้งคู่แบบนี้มากกว่า คิดมาตลอดว่าเราชอบคนที่ไม่ใช่เพศตรงข้ามได้ บางทีก็เคยมีตกหลุมรักพี่เกย์ท่านหนึ่ง มันมีตอนสาวๆ เราก็รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ชายตาเลย”

ซิลวี่เขาแตกต่างจากคนที่เราเคยเจอยังไง ในพาร์ทของความรัก ? “จริงๆแล้วไม่มีใครเหมือนกันเลยแล้วมันเหมารวมในแง่เพศไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไรทุกคนไม่เหมือนกันเลย ทุกคนที่ว่าไม่เหมือนกันเขาก็ไม่เหมือนกันผ่านเราด้วยที่ไม่เหมือนเราแล้วในอดีต วันที่เรา 15 เรามีแฟนก็เป็นคนคนหนึ่ง

วันนี้เรา 36 ตอนนี้คบกับซิลมา 4 ปี แม้แต่ตอนนี้มิ้นกับซิลก็ไม่เหมือนคนที่เจอกันวันแรก เราเปลี่ยนตัวเอง เราโตขึ้นเราไม่เหมือนเดิมกันไปเยอะ มิ้นรู้สึกว่าเรามีพื้นที่เปิดกว้างนี้ ซิลเป็นซิลได้โดยที่ไม่ต้องอยู่ในจุดที่กำหนดว่าเขาเป็นเพศอะไร บางการกระทำของเขาบางทีอาจจะดูแมน มิ้นก็มีมุมแบบนั้นเหมือนกัน พอเราปรับเข้าหากันตลอดเวลามันก็จะไม่ได้อยู่ในจุดที่เธอต้องเป็นแมนในความสัมพันธ์ ฉันเป็นแมนหรือเธอเป็นแมน มันไม่มี มันเป็นผู้หญิงทั้งคู่”

เราเป็นคนขอเขาเป็นแฟน ? “ใช่ค่ะ จริงๆมันก็เกิดจากความไม่ได้ตั้งใจซะทีเดียว เพราะว่าเรายังไม่รู้อีโหน่อีเหน่เหมือนยังเป็นเด็กเพิ่งมีความรักครั้งแรก คือเราก็ไม่รู้ว่าหญิงหญิงเขารักกันใครต้องเป็นคนขอเป็นแฟน เราก็ไม่เป็น ปกติเป็นผู้หญิงก็จะมีผู้ชายขอเป็นแฟน

แต่พอคุยๆกันไปเราก็ชัดเจนว่าเราตั้งใจคบนะ มันก็มีบทสนมนาขึ้นมาแหละมันมาจากการที่เขาไม่มั่นใจว่าเราชอบเขาจริงมั้ย เราก็รู้สึกว่าเราแสดงออกไปเยอะแล้วนะว่าเราชอบ”

ในมุมซิลวี่จะคิดว่าพี่มิ้นเข้ามาเล่นๆหรือเปล่า ? “เขาคงคิดอย่างนั้นเพราะเราก็ไม่เคยคบผู้หญิงด้วย ก็ต้องยอมรับว่ามันก็ยากในมุมของเขาเหมือนกันว่าเราจะเอาจริงมั้ย แล้วเราอายุเยอะกว่าเขาเยอะด้วย เขาก็คงคิดว่ามาหลอกเด็กหรือเปล่า ในขณะที่เราก็คิดว่ามาหลอกคนแก่หรือเปล่า พอเขารู้สึกไม่มั่นใจ งั้นเราเป็นแฟนกันมั้ยล่ะ

เขาก็ช็อคไปแป๊ปนึง เขาก็คงไม่คิดว่าเราจะกล้าขอเป็นแฟน มิ้นก็พูดในเหตุผลของมิ้นว่าการคบกันเป็นแฟนกันไม่ได้การันตีว่าเราจะเลิกกันมั้ย แต่ว่าตรงนี้เรารู้ว่าเราคบกันจริง เป็นแฟนกัน ศึกษากัน รู้จักกัน อยู่ข้างๆกันไม่ต่างอะไรที่ทำอยู่ตอนนี้ งั้นเป็นแฟนกันเถอะ”

มีคนเม้าธ์มาเหมือนกันว่าที่มาคบกับซิลวี่เพราะอกหักความรักจากผู้ชาย ? “เขาคงไม่เข้าใจสถานการณ์ของเราด้วย ถึงแม้มันจะมีการเปิดกว้างมากขึ้นในสังคมไทยแล้วกับการรับรู้ในเรื่องของ LGBTQ แต่มิ้นคิดว่ามันก็ยังเป็นความเชื่อเดิมอยู่ดีว่าผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชายซิ แล้วถ้าผู้หญิงเลือกที่จะไปคู่กับผู้หญิงเองมันก็อาจจะมาจากการที่ที่ไม่มีทางเลือกดั้งเดิมนั้น แต่ว่าจริงๆมันไม่เกี่ยวหรอก

สำหรับมิ้นรู้สึกว่า ถ้าจะหาผู้ชายซักคนมันก็คงไม่ยาก ถ้าเอาเรื่องจริงคือมิ้นโสดมาเป็นปีได้มั้ง แล้วในช่วงเวลาเป็นปีมันก็มีคนที่เข้ามา แต่มิ้นว่าสำคัญมากกว่าหยิบใครซักคนนึงมาก็ได้ก็คือคนที่เรารู้สึกว่าเรามีพื้นที่ที่เราเกิดความเชื่อในความรักนี้ ถ้าเกิดคนนี้ทุกคนบอกว่าใช่แต่เราไม่รู้สึกแล้วเราจะฝืนไปทำไม ชีวิตมันสั้นนะแต่มันยาว

ถ้าเลือกคนที่สังคมบอกว่าใช่แต่ใจเราไม่ชอบ แล้วมันได้อะไร ถ้าจะมองในมุมว่าไม่เจอผู้ชายที่ใช่ ก็อาจจะใช่ แต่มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะบอกว่าเพราะว่าไม่มีผู้ชายให้เลือก เลยเลือกผู้หญิง มันไม่เกี่ยว วันนี้มันเปิดกว้างกว่านั้น เราเจออีกจิตวิญญาณนึงที่เรารู้สึกเราไปต่อกันได้”

ด้วยความห่างกัน 7 ปี ช่วงแรกๆทะเลาะกันฉ่ำ ? “ถูกต้อง 2 ปีแรกเรียกว่าระเบิดลง ไฟกับน้ำมัน แต่มาช่วงหลังนี้ดีขึ้นแล้ว”

ครอบครัวไม่ได้ทราบเพราะว่าเราไม่ได้บอก เราเปิดตัวลงสื่ออย่างเดียว ? “ตอนนั้นที่ลงสื่อไปช่วงแรกๆ เราเองก็ยังอยู่ในช่วงเอ๊ะอยู่ แต่เรารู้สึกว่ามันน่ารักมันมีผลต่อใจ เราก็ลงรูปไป จริงๆในช่วงแรกๆ ยังไม่มีสถานะด้วยซ้ำยังไม่ได้เป็นแฟน ก็ยังไม่ได้คิดว่าจะตอบใครว่าอะไรยังไง ถ้าถามว่าบอกคุณพ่อคุณแม่มั้ย ก็ไม่ได้บอก เห็นพร้อมๆกัน ลุ้นไปกับเราแล้วกัน”

แล้วเรากังวลว่าเขาจะไม่โอเคมั้ยกับความรักเราครั้งนี้ ? “ถ้าตอบตามตรงเลยนะคะ 36 แล้ว ณ วันนั้นก็ 32 แล้ว เราผ่านความรักมาในมุมที่คุณพ่อคุณแม่ก็รู้จักเรามากขึ้นโตขึ้น อาจจะเป็นสไตล์ของครอบครัวมิ้นด้วยที่ไม่ได้อยู่ในจุดที่ มากินข้าวกัน มาทำความรู้จัก

คุณพ่อคุณแม่จะเป็นฟีลไปใช้ชีวิต ถ้าเกิดจะมีเพื่อนเป็นใคร คบใคร เขาปล่อยมิ้นมาก ยังเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ยังมองว่ามิ้นเป็นเด็กเหมือนเดิม แต่เขารู้ว่าเราเป็นเด็กที่เอาตัวรอด มิ้นจัดการทุกอย่างในชีวิตมิ้นได้ดี คุณพ่อคุณแม่เลยมีความอีกนิดจะถามแล้วว่าไม่คิดถึง ไม่เป็นห่วงกันบ้างเลยหรอ”

ตั้งแต่เปิดตัวเป็นแฟนกับซิลวี่คุณพ่อคุณแม่ได้คุยกับมิ้นมั้ย ? “ถ้าที่บ้านเกิดความกังวลและเป็นห่วงเราจะไปรู้ผ่านตัวกลาง พี่สาวบ้าง พี่เลี้ยงบ้าง ถ้าเขากังวลเขาจะไม่กล้าพูดกับลูก พูดยังไงดีนะ ก็ดีที่เขายังสนใจว่าอะไร ทำอะไรกันนะ”

นาทีที่เจอกันครั้งแรกเลยเป็นยังไงบ้าง ? “เราก็เนียนๆ เราก็เดินเข้าบ้าน แม่กินข้าว มีอะไรให้กินบ้าง ซิลมาด้วย”

เคยมีคิดอยากจะเปิดอกคุยกับเขาตรงๆมั้ย ? “เราโตมาใสจุดที่เรารู้จักเขามากพอ เขาก็รู้จักเรามากพอ เปิดใจคุยแล้วแล้วบอกแล้วเอาอะไร ต้องบอกว่าคุณแม่ต้องยอมรับมิ้นนะ คุณพ่อต้องยอมรับมิ้นนะ มิ้นคบผู้หญิง มิ้นว่ามันไม่มีความจำเป็นในครอบครัวเราเลย เรารู้ว่าสำหรับเขาเขารักเรา แล้วเขาก็รู้แล้วด้วยว่าเราโตเป็นผู้ใหญ่เราเลือกสิ่งที่เราทำแล้วเรามีความสุข เขาแฮปปี้แล้ว”

กฎหมายสมรสเท่าเทียมก็มาแล้ว มีแพลนจะแต่งงานกันมั้ย ? “ถ้าตอบแบบจริงจังซีเรียส ไม่มีค่ะ พอมันมีการผ่านของกฎหมายเรื่องจริงมันมาแล้ว เราต้องมาคุยกันในรายละเอียดเพราะว่าถ้าถามมิ้นก็จะมีให้คำถามเยอะมาก จะแต่งไม่แต่งกฎหมายมาแล้ว ต้องแต่งซิ เราก็เลยมานั่งถามกันว่าทำไมต้องแต่ง มันต้องมีคำถามนี้ มันมีผลกับเราอย่างไร มันจะตามมาด้วยอะไรบ้าง

จากสิ่งที่ไม่เคยคุยกันจริงๆ ต้องมาคุยกัน การที่มีกฎหมายมันคือตัวเลือก คือสิ่งที่ LGBTQ ควรได้รับอยู่แล้ว วันนี้เป็นตัวเลือกของทุกๆคน อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ข้อบังคับ ใครพร้อมลุยโลด ใครยังไม่พร้อมไปตามเวลาของตัวเอง ซึ่งคู่ของมิ้นในมุมที่เราคุยกันยังไม่ใช่เวลานี้”

ถ้าเป็นแค่งานเล็กๆน้อยๆล่ะ ? “งานเรารู้สึกว่าถ้าจะจัดมันก็ต้องใหญ่ มันก็ต้องเต็มที่ไปเลย ถ้าถามว่านัดกินข้าวกันเฉพาะครอบครัวมันก็ทำตลอดอยู่แล้ว มันก็เลยไม่ได้อยู่ในจุดที่เราต้องมีการจัดงานกันเกิดขึ้น”

คำตอบวันนี้คือไม่ แต่อนาคตไม่แน่ ? “รอรวยแบบ รวย จัดใหญ่แน่นอน”

อยากจะบอกอะไรกับซิลวี่ ? “ความสัมพันธ์ของเรามันเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว ทุกอย่างเราคุยกันเรื่อยๆอยู่แล้วว่ามันมีความไม่แน่นอนกับความสัมพันธ์เสมอ และเหตุผลที่เรารู้ว่ามีความไม่แน่นอนมันเลยทำให้เราคอยดูแลใจกัน

ปรับเปลี่ยนตัวเราดูแลว่า ณ วันนี้เรากำลังทำหน้าที่ของคนที่อยู่ข้างๆกันอย่างดีหรือยัง เราภูมิใจที่เรามาถึงวันนี้ได้แล้วเรารักกัน แล้วเราก็ดูแลกันอย่างดี อนาคตเป็นยังไงไม่รู้แต่ว่าวันนี้เราทำเต็มที่แล้วเราก็ภูมิใจในกันและกันมากค่ะ รักเธอ”

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_9481282

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *