รายการโหนกระแสวันนี้ คุยกันกรณีเรื่องราวของ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด และ เจ๊อ้อย หรือ มาดามอ้อย หญิงไทยที่ไปมีครอบครัวที่ฝรั่งเศส และมารู้จักสนิทสนมกับทนายตั้มเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งทนายตั้มออกมากล่าวอ้างว่า ที่ตนใช้ชีวิตหรูหรา มีเงินมีทอง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะลูกความคนไทยในต่างประเทศ เป็นผู้ดูแลสนับสนุน รวมทั้งยังเคยให้เงิน 2 ล้านยูโร (ประมาณ 71 ล้านบาท) โอนเข้าบัญชีทนายตั้ม เป็นการให้โดยเสน่หามาแล้ว
แต่ในเวลาต่อมา เจ๊อ้อย หรือ มาดามอ้อย ได้ไปแจ้งความเอาผิดทนายตั้ม ในข้อหาฉ้อโกง โดยยืนยันว่าเงิน 71 ล้านที่ว่านี้ ทนายตั้มหลอกชักชวนให้เอาไปลงทุนในแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ ไม่ได้เป็นการให้เฉยๆ แต่ตั้งแต่ได้เงินไป ทนายตั้มไม่ได้เอาไปลงทุนลอตเตอรี่ออนไลน์ที่ว่านี้อย่างที่มากล่าวอ้างเลย
แล้วยังมีประเด็นอีกหลากหลาย ทั้งในเรื่องของรถเบนซ์หรู G-Class ที่เจ๊อ้อยอ้างว่า ตนเป็นคนโอนเงินให้ทางทนายตั้มเป็นคนไปซื้อไว้ให้ตนเอาไว้ใช้เมื่อกลับมาเมืองไทย
ขณะเดียวกันยังมีคู่กรณีของทนายตั้มอีกหลายคนที่ได้ออกมาอ้างว่า เคยมีประสบการณ์กับทนายตั้มมาเหมือนกัน อย่างกรณีล่าสุดก็คือ “หนึ่ง บางปู” แม่ค้าออนไลน์คนดังที่ออกมาเล่าว่า เคยว่าจ้างทนายตั้มให้ดูแลคดีหย่าให้ โดนเรียกเงินค่าว่าความ 10 ล้าน แต่พอจ่ายไปแล้วกลับไม่ดำเนินการทางคดีให้ จนหนึ่ง บางปู เคลียร์กับสามีได้เอง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีคู่กรณีจากเคสเก่าๆ อีกเพียบ อย่างเช่น 2 คนที่มาร่วมในรายการโหนกระแสวันนี้ คือ ปอ ตนุภัทร และ แซน วิศาพัช สองคนที่อยู่ในเหตุการณ์การเสียชีวิตของ แตงโม นิดา เมื่อ 3 ปีก่อน
วันนี้ ปอ และ แซน มาเล่าเหตุการณ์ว่า เพื่อนของโรเบิร์ต เป็นเพื่อนสนิทของ ทนายตั้ม และเขาประสานให้ทนายตั้มมารับฟังข้อเท็จจริงเพื่อหาทางช่วยคดีนี้ แต่พอได้ฟังข้อเท็จจริงทั้งหมดจากคนบนเรือ เขากลับให้แนวทางในการสู้คดี ให้บิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อให้คนที่เห็นแตงโมคนสุดท้ายเป็นคนรับผิดคนเดียว
เมื่อเป็นแบบนี้ ทำให้พวกตนไม่เอาด้วย และตัดสินใจว่าจะไม่เอาตามแนวทางที่ทนายตั้มเสนอมา แต่กลับกลายเป็นว่า พอเดินออกจากห้องไป เขาก็โพสต์เฟซบุ๊กทันทีว่าจะไม่ทำคดีนี้ให้คนบนเรือ และไปพูดจาด้อยค่าพวกตน รวมทั้งเสนอตัวทำคดีให้คู่ความของพวกตนทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า แล้วทำไมถึงต้องรอให้ผ่านเวลามานานถึง 3 ปี กว่าที่ปอจะพูด ปอยอมรับว่า ย้อนกลับไปในวันนั้น คนบนเรือแค่หายใจก็ผิดแล้ว เชื่อว่าถ้าพูดตั้งแต่วันนั้น คนก็คงไม่รับฟังเรา หรือไม่เชื่อเรา แม้ในวันนี้คนจะยังไม่เชื่อ หรือจะยังกลับมาด่าเราอีก ก็ไม่เป็นไร แต่เชื่อว่าวันนี้เราได้ออกมาพูดความจริง ที่เราพูดมาตลอด 3 ปี ไม่ว่าจะให้การกับตำรวจ ให้การในศาล ก็พูดแบบเดิมมาตลอด
ปอ บอกอีกว่า ในวันที่ได้พบทนายตั้มครั้งแรก น่าแปลกใจที่วันนั้นก่อนจะได้คุยกับ ษิทรา เบี้ยบังเกิด ตนได้พูดคุยกับอีกคนที่ชื่อพ้องกันก่อน คือ ศิธา ทิวารี หรือผู้พันปุ่น ผู้พันปุ่นเป็นคนที่บอกให้พวกตนว่า เรื่องนี้ต้องพูดความจริงทุกอย่าง อย่าบิดแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว แล้วความจริงมันจะปกป้องเราเองถ้าเราไม่ผิด ขณะที่ ษิทราอีกคนที่ได้คุยตอนเย็น กลับบอกให้บิดข้อเท็จจริง โยนความผิดให้เพื่อน
ตนเชื่อว่า ถ้าวันนั้นเราตัดสินใจผิด ไปเชื่อคนที่แนะนำอะไรอย่างผิดๆ เชื่อว่าวันนี้ตนกับแซนก็คงไม่ได้มานั่งในโหนกระแสวันนี้ เพราะการจะโกหกคนทั้งประเทศมันไม่มีทางรอดไปได้
“เจ๊หนึ่ง บางปู” ประกาศ ขอร่วมกฐิน “ทนายชื่อดัง” ด้วยคน เคยเรียกค่าว่าความ 10 ล้าน ได้เงินไป ไม่ได้ฟ้องอะไรให้เลย
ขณะที่ หนึ่ง บางปู วรัชญากรณ์ อ่อนธรรม แม่ค้าออนไลน์คนดัง เล่าว่า เมื่อประมาณปี 2564 ตนได้ ว่าจ้าง ทนายความคนดังกล่าว ทำคดีระหว่างตนกับอดีตสามี โดยก่อนทำคดี ทนายคนดังกล่าวมีการอ้างชื่อ บิ๊กตำรวจใหญ่ ว่าจะช่วยเหลือได้ เพราะอดีตสามีตนก็เป็นข้าราชการตำรวจ ตนก็เลยยิ่งเชื่อมั่นในเรื่องของการจะเลือกทนายคนนี้มาช่วยเป็นทนายฟ้องร้อง
ระหว่างที่พูดคุยกัน ทนายได้ถามตนว่า มีทรัพย์สินอยู่เท่าไหร่ ด้วยความที่ตนกำลังเป็นทุกข์ใจและป่วยซึมเศร้าอยู่ในตอนนั้น ก็เลยแสดงทรัพย์สินทั้งหมดออกมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แล้วทนายก็บอกว่าขอเรียกค่าดำเนินการทั้งหมด 10 ล้าน ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่ได้มีเงินขนาดนั้น ต้องไปกู้เงิน 10 ล้าน จำนวนนี้มาให้ โดยมีการนัดเซ็นสัญญาและพูดคุยกันในวันที่ 23 เมษายน 2564
หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ก็มีการเซ็นเช็คทั้งหมด 3 ฉบับรวมทั้งหมด 3 ใบเป็นเงิน 10 ล้านบาท (เช็คแต่ละใบ จำนวนเงินเฉลี่ยแต่ละใบไม่เท่ากัน)
ผู้รับเช็คเป็นชื่อและนามสกุลของทนายคนดังกล่าว ซึ่งตอนนั้นตน อาศัยอยู่ที่จังหวัดระยอง ทนายและทีมงานได้ขับรถไปรับเช็คทั้ง 3 ใบด้วยตัวเองถึงจังหวัดระยอง
แต่หลังจากที่จ่ายเงิน 10 ล้านไปแล้ว ก็ได้เจอกับทนายอีก 3 ครั้ง แต่ยังไม่มีการดำเนินการยื่นฟ้องแต่อย่างใด มีแต่แนะนำให้ตนแกล้งแสดงว่าป่วยเข้าโรงพยาบาล จะได้มีการแถลงข่าว และกดดันเพื่อให้อดีตสามีเลิก แยกทางกับตนไป ตนก็หลงเชื่อและยอมทำตาม
แต่เหมือนว่าตนแสดงว่าป่วยดีเกินไป โรงพยาบาลล็อกตนติดกับเตียง มัดมือมัดขา กลายเป็นเคสที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเสี่ยงว่าจะมีการฆ่าตัวตาย ตนจึงต้องให้ทนายคนดังกล่าวมาช่วยพาออกจากโรงพยาบาล
สุดท้ายอดีตสามีก็ยังไม่ยอมเลิกราหรือแยกทางออกไป จนกระทั่งตนกับอดีตสามีได้มีการตกลงเคลียร์กันเรียบร้อยก่อนที่จะมีการยื่นฟ้องด้วยซ้ำ
และหลังจากนั้นไม่นาน ตนก็เพิ่งนึกออกว่า ต้องมีการแบ่งทรัพย์สินกันอีกเพราะว่ามีเรื่องลูกเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็เลยย้อนกลับไปถามทนายคนดังกล่าวว่า จะให้ดำเนินการในเรื่องนี้ต่อด้วย เพราะตนจ่ายไปแล้ว 10 ล้าน
แต่หลังจาก หนึ่ง บางปู ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของทนายตั้ม ก็มีคู่กรณีของหนึ่ง บางปู ออกมาแฉกลับว่า ตัวเองก็ถูกหนึ่งบางปูโกงเงินไปเหมือนกัน นั่นก็คือ อดีตเพื่อนสนิทของหนึ่ง ที่ชื่อว่า รุ่งนภา
รุ่งนภา บอกว่า ในวันที่หนึ่งแย่ที่สุด ป่วย มีปัญหากับสามี ไม่มีที่ไป หนี้ท่วมหัว เขามาขอความช่วยเหลือจากตน เราให้เขามาอยู่ด้วย พาเขาไปหาหมอ พอสู้ด้วยกันมา ทำให้ หนึ่ง ตั้งตัวได้ ขายของได้ มีเงินเข้าบริษัท โดยที่หนึ่งเป็นคนเดียวที่ถอนเงินออกจากบัญชีของบริษัทได้ เพราะเขามีหน้าที่ยิง Ads มีหน้าที่เอาเงินไปขายของ เขาเอาเงินไปหลายล้าน ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในกระบวนการ รอขึ้นศาลแล้ว
ซึ่งในเรื่องนี้ ทางรายการบอกว่าเมื่อเรื่องอยู่ในกระบวนการแล้ว ก็ไปพิสูจน์กันไปศาล ส่วนเรื่องของหนึ่งกับทนายตั้ม หนึ่งบอกว่าไม่ได้หวังอะไรจากการออกมาพูดเรื่องนี้เลย แต่ถ้าได้เงินคืนจากเขาบ้าง เพื่อเอาไปคืนแม่ ก็คงจะดีเหมือนกัน