จากกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เมื่อคืนวันที่ 31 ตุลาคม มีคนไทยเสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ที่อิสราเอล จากเหตุยิงจรวดจากฝั่งเลบานอนไปยังเมืองเมตูลา ทางเหนือของอิสราเอลติดชายแดนเลบานอน โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตคือ นายประหยัด พิลาศรัมย์ ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์
ซึ่งข่าวดังกล่าวสร้างความตกใจให้กับครอบครัวของนายประหยัดเป็นอย่างมาก โดยบรรยากาศที่บ้าน มีชาวบ้านและญาติพี่น้องที่ทราบข่าว เดินทางมาแสดงความเสียใจ พร้อมทั้งผูกแขนให้กำลังใจครอบครัวนายพิลาศเป็นระยะ ๆ ซึ่งครอบครัวยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้าน น.ส. ประไพ ภรรยานายประหยัด เล่าว่า ก่อนหน้านั้นสามีเคยไปทำงานที่อิสราเอลมาแล้ว 1 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 64 จากนั้นเกิดเหตุสู้รบทางการให้เดินทางกลับไทย เมื่อวันที่ 25 ต.ค.66 หลังจากนั้นนายจ้างคนเดิม ได้ประสานมาให้ไปทำงานต่อ ตนกับครอบครัวไม่อยากจะให้ไปเพราะอันตราย แต่หนี้สินยังมีอยู่ สามีจึงตัดสินใจเดินทางไปอีกครั้ง โดยการกู้เงินเพิ่มจากของเดิมอีก 50,000 บาท รวมเป็น 150,000 บาทของหนี้ทั้งหมด คราวนี้เดินทางไปเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.66
ระหว่างไปทำงานสามีจะโทรศัพท์ติดต่อกันทุกวัน และมักจะเอาคลิปที่น้องชายสามีถ่ายไว้ส่งมาให้ดู บอกว่าระเบิดลอยข้ามหัวอยู่ตลอดเวลา และเมื่อประมาณ 3 วันที่ผ่านมา ตนฝันว่ามีเลือดท่วมตัวของตัวเองพยายามเช็ดแต่ไม่ออก ตื่นเช้ามาไม่ยอมบอกใคร เดินทางไปสะเดาะเคราะห์ที่วัดทันที เพราะคิดว่าตัวเองมีเคราะห์สุดท้ายกลายเป็นสามีที่รับเคราะห์แทน ตอนนี้ครอบครัวยังมีหนี้สิน ทั้งธนาคารที่กู้ไปทำงาน และค่างวดรถที่ค้างอีกกว่า 300,000 บาท ตอนนี้อยากได้ร่างของสามีกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด
ในขณะที่ นายอำนาจ เข็มเพชร รักษาราชการแทนแรงงานจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังทราบข่าวเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานได้เดินทางมาให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสีย และเพื่อเดินเรื่องต่างๆที่ครอบครัวมีความประสงค์ รวมถึงค่าเยียวยาอื่นๆที่จะทำให้รวดเร็วที่สุด ส่วนศพจะต้องได้รับการประเมินจากทางอิสราเอลก่อนว่าจะใช้เวลากี่วันที่จะส่งมา ขึ้นอยู่กับสภาพศพว่าจะต้องตรวจอัตลักษณ์กี่วัน
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินจากกองทุนช่วยเหลือคนไปทำงานต่างประเทศครั้งแรกจะได้รับ 15,000 บาท เงินกองทุนเยียวยา 50,000 บาท นอกจากนี้ยังจะได้เงินสถาบันเงินจากกองทุนประกันภัยแห่งชาติอิสราเอลจะเป็นเงินค่าจัดการศพประมาณ 70,000 บาท มีเงินค่าฝังศพอีก 50,000 บาท รวมถึงได้รับเงินค่าเป็นหม้ายของภรรยาอีก 70,000 บาท ยังไม่รวมเงินช่วยเหลืออื่น ๆ อีก ซึ่งกระทรวงแรงงานจะรวบรวมอีกครั้ง