คนสนิท “ทนายตั้ม” ผัวเมีย “นุ-สา” จนมุม ร่วมกันจัดฉากหลอก “เจ๊อ้อย” โอนให้ 39 ล้าน

Author:

ชุดสืบสวนกองปราบฯซุ่มขอหมายจับ บุกรวบผัวเมีย “นุ-สา” คนสนิททนายตั้ม หลังมีพยานหลักฐานชัดวางแผนแหกตา “เจ๊อ้อย” โอนเงิน 39 ล้านบาท จ้างนักร้องดังชาวจีนมาแสดงคอนเสิร์ตในไทย เจาะลึกหลักฐาน ทั้งข้ออ้างกระเป๋าดิจิทัลถูกสแกมเมอร์แฮ็ก ไปจนถึงแจ้งความเท็จที่ สน.บางซื่อ หลังสอบเครียดยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ข้อมูลสืบสวนพบด้วยว่า งานนี้ทนายตั้มมีเอี่ยวกับเงินจำนวนนี้ด้วย อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานให้แน่นหนา ก่อนไปแจ้งข้อหาเพิ่มในเรือนจำ รมว.ยุติธรรมเผย ผบ.เรือนจำดูแลความปลอดภัย “ทนายตั้ม” เป็นพิเศษ หลังหวั่นโดนจองกฐินทำร้ายในคุก

กรณี น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย อุบลเลิศ เศรษฐินีชาวไทยอาศัยอยู่ประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศส มอบอำนาจทนายความแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ดำเนินคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี ข้อหาฉ้อโกง หลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ แต่หลังโอนเงินให้ 2 ล้านยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 71 ล้านบาท ตำรวจเรียกสอบสวนเจ๊อ้อยหลายครั้ง เรื่องราวบานปลายพบว่า มีการกล่าวหาว่าหลอกลวงเงินอีกหลายครั้งเป็นเงินอีกหลายสิบล้านบาท หลังรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับทนายตั้ม และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด อายุ 41 ปีภรรยา ข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน นำฝากขังส่งเข้าเรือนจำไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าจากกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 12 พ.ย. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบ.ก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป. และ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. นำกำลังจับกุมนายนุวัฒน์ หรือนุ ยงยุทธ อายุ 34 ปี คนสนิททนายตั้ม ตามหมายจับศาลอาญาที่ 5437/2567 ลงวันที่ 11 พ.ย.67 และ น.ส.สารินี หรือสา นุชนารถ อายุ 30 ปีแฟนสาว ตามหมายจับศาลอาญาที่ 5438/2567 ลงวันที่ 11 พ.ย.67 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน

กรณีฉ้อโกงเงินจำนวน 39 ล้านบาทของ น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย อุบลเลิศ จับกุมทั้งคู่ที่บ้านเลขที่ 573/34 ถนนศรีวราห์ รามคำแหง 39 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. พร้อมตรวจยึดรถยนต์ปอร์เช่ คาเยนน์ สีฟ้า ทะเบียน ฆน 999 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ สีขาว ทะเบียน กค 999 กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังตรวจยึดซิมโทรศัพท์ สมุดบัญชีธนาคารชื่อบุคคลอื่น กระเป๋าเดินทาง 2 ใบ บัตรกดเงินสด 6 ใบ และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนและของกลางกลับมาดำเนินคดีที่กองบังคับการปราบปราม

ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. ร่วมแถลงข่าวจับกุมนายนุวัฒน์ และ น.ส.สารินี แฟนสาว พล.ต.ต.มนตรีเผยว่า จากการสืบสวนขยายผลกรณีเจ๊อ้อยแจ้งความเอาผิดเรื่องเงิน 39 ล้านบาท คณะพนักงานสอบสวนกองปราบฯ สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่อเนื่อง กระทั่งเมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน จากนั้นเวลา 06.00 น.วันนี้ นำหมายจับและหมายค้นเข้าตรวจค้น 2 จุดย่านวังทองหลางและลาดพร้าว จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้ที่บ้าน

“พฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ จากแนวทางสืบสวนพบว่า เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงิน 39 ล้านบาทของเจ๊อ้อยจริง ทั้ง 2 คนเป็นบุคคลที่คอยจัดการธุรกรรมทางการเงิน และทั้ง 2 คนยังสนิทสนมกับทนายตั้ม เพราะทนายตั้มเคยออกมาอ้างกลางวงสื่อว่า เคยให้นายนุช่วยดูเรื่องเงินคริปโตเคอร์เรนซีเจ๊อ้อย ส่วนทนายตั้มจะเกี่ยวโยงกับคดีดังกล่าวหรือไม่ อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเพิ่มเติม หากพบว่าทนายตั้มมีส่วนเกี่ยวข้องต้องดำเนินคดีเพิ่มเติมกับทนายตั้มที่ถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำอีกคดีด้วย” ผบก.ป.กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ กล่าวว่า สำหรับนายนุเรียนรู้เรื่องคอมพิวเตอร์รวมถึงเรื่องไอที สนใจเรื่องเงินคริปโตฯตั้งแต่ไปอาศัยอยู่ที่ประเทศสหพันธ์ สาธารณรัฐเยอรมนี เนื่องจากมารดาไปมีครอบครัวใหม่ นายนุตามมารดาไปเรียนด้วย เข้าศึกษาระดับวิชาชีพเทียบชั้น ปวส. จากนั้นเข้าไปทำงานที่บริษัทในเยอรมนีเกี่ยวกับเรื่องไอที 2 ปีจนเก็บเงินได้กลับมาประเทศไทย เปิดเว็บไซต์ภาพยนตร์ดูหนังต่างประเทศฟรี ถูกเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ต่างประเทศฟ้อง เมื่อ 6-7 ปีก่อนจนมาพบทนายตั้ม ก่อนให้มาช่วยทำคดีและรู้จักกันดีตั้งแต่นั้น

“ส่วนเว็บหนังที่นายนุทำ จะแปะโฆษณาเว็บพนันหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนเรื่องการใช้เงินสดซื้อรถปอร์เช่และรถเบนซ์นั้น นายนุอ้างว่า ได้มาจากการเทรดบิทคอยน์ ซื้อมาราคาต่ำแต่ขายในราคาสูง ทำให้มีเงินซื้ออีก 2 คัน แต่ที่ผู้ต้องหาให้การไม่มีหลักฐานอะไรมาแสดงได้เลย จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา หลังจากนี้จะควบคุมตัวไว้เพื่อสอบปากคำขยายผลต่อไป” ผกก.3 บก.ป.กล่าว

พ.ต.อ.สุริยศักดิ์กล่าวด้วยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากหลังคณะพนักงานสอบสวนกองปราบฯสืบสวนจนพบหลักฐานว่า ทั้งสองเป็นผู้ไปถอนเงินสดจำนวน 39 ล้านบาทที่ น.ส.จตุพรโอนมาให้ และทั้งคู่ไปถอนเงินออกจากธนาคารที่ห้างสรรพสินค้าย่านห้าแยกลาดพร้าว รวมถึงพบว่ามีการปั้นแต่งพยานหลักฐานเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกดูดเงินจากบัญชีบิทคอยน์ที่ สน.บางซื่อ เพื่อใช้เป็นหลักฐานตบตาหลอก น.ส.จตุพร ให้หลงเชื่อ จนนำมาสู่การออกหมายจับ

รายงานข่าวแจ้งว่า การจับกุมนายนุวัฒน์ และ น.ส.สารินีครั้งนี้ สืบเนื่องจากหลังตำรวจกองปราบปรามจับกุมนายษิทรา หรือทนายตั้ม พร้อมภรรยา ฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาทของเจ๊อ้อย ต่อมาตำรวจ กก.3 บก.ป.สืบสวนขยายผลจนทราบว่า เจ๊อ้อยปรึกษาทนายตั้มเกี่ยวกับการโอนเงินบิทคอยน์ เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายการว่าจ้างนักร้องชาวจีนมาแสดงในประเทศไทย นายษิทราแนะนำผู้เสียหายให้รู้จักนายนุวัฒน์เพราะมีกระเป๋าเงินดิจิทัล สามารถโอนเงินได้ เจ๊อ้อยขอให้นายนุวัฒน์โอนเงินบิทคอยน์ให้นักร้องชาวจีน แล้วให้ผู้เสียหายโอนเงินชำระหนี้คืนให้นายนุวัฒน์ผ่านบัญชีทนายตั้ม หลังจากรับโอนเงินไม่พบเส้นทางการเงินจากทนายตั้มไปยังบัญชีของนายนุวัฒน์

ต่อมาเจ๊อ้อยทราบว่า บัญชีนักร้องชาวจีน ดังกล่าวเป็นแก๊งสแกมเมอร์ นายษิทรา นายนุวัฒน์ และ น.ส.สารินี แฟนนายนุวัฒน์ ปกปิดด้วยการแจ้งว่า การโอนเงินบิทคอยน์ให้นักร้องชาวจีนใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลของ น.ส.สารินี เป็นเหตุให้กระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับได้รับความเสียหายเป็นเงิน 39 ล้านบาท น.ส.สารินีไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางซื่อ ว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกอายัดจากการโอนบิทคอยน์ให้แก๊งสแกมเมอร์เป็นความเท็จ แล้วส่งสำเนาบันทึกประจำวันให้ผู้เสียหาย สร้างสถานการณ์ว่าเงิน 39 ล้านบาทเป็นเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต เจ๊อ้อยหลงเชื่อว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง เป็นความผิดของตนเองยอมชดใช้เงิน 39 ล้านบาทให้ น.ส.สารินี

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง กระเป๋าเงินสกุลดิจิทัลที่ใช้โอนให้แก๊งสแกมเมอร์ เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลของนายนุวัฒน์ จากการตรวจสอบไม่พบว่า ถูกระงับการใช้งานตามที่กล่าวอ้าง หลังจาก น.ส.สารินี รับเงิน 39 ล้านบาทแล้ว ร่วมกับนายนุวัฒน์เปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำเงินแคชเชียร์เช็คฝากเข้าบัญชีแล้วถอนเงินสดออกไป มีทนายตั้มเป็นผู้มีส่วนร่วมถอนเงินดังกล่าว แบ่งหน้าที่กันทำ เริ่มตั้งแต่การแนะนำให้รู้จักเจ๊อ้อย การลงบันทึกประจำวัน นำไปแสดงข้อความอันเป็นเท็จให้เจ๊อ้อยหลงเชื่อ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานยื่นขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนดังกล่าว

ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความปลอดภัยภายในเรือนจำ หลังมีนักโทษถูกแทงเสียชีวิต รวมถึงกรณีนายษิทรา หรือทนายตั้ม เบี้ยบังเกิด อาจถูกจองกฐินว่า วันนี้ผู้คุมหรือพัศดีทำงานหนัก เป็นเรื่องความละเอียดอ่อน ทราบอยู่แล้วว่ามีความขัดแย้งกันหรือความไม่ไว้วางใจกัน ต้องไปดูว่าทำอย่างไรไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ต้องยอมรับว่าเรามีคนน้อย พยายามหาอาสาสมัครคุมประพฤติ เช่น ทหาร กำลังหาช่องทางอยู่ ส่วนกรณีทนายตั้มพูดคุยกับ ผบ.เรือนจำ ดูแลเป็นพิเศษอยู่แล้ว เพราะเรื่องต่างๆแม้เราไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว หากมีเหตุการณ์ไม่ดีจะกระทบภาพลักษณ์ ส่วนการแก้ไขปัญหาลดความแออัดภายในเรือนจำ ในอนาคตจะร่างกฎหมาย อาจมีเรือนจำเอกชน หรือบางคนขังเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ เช่น เด็กที่ต้องเรียนหนังสือ คนต้องเลี้ยงดูลูก ต้องไม่ขัดกับกฎหมาย ป. วิอาญา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *