เปิดประวัติ “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร สายเลือดการเมืองตระกูลชินวัตร ตัวเต็งแคนดิเดต ชิงเก้าอี้นายกฯ คนที่ 31
สร้างความฮือฮาและเป็นประเด็นไม่น้อย หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะทำหน้าที่รักษาการจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่
โดยหนึ่งในรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคือ “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย วันนี้ทีมข่าวสดขอพาทุกคนมาทำความรู้จักแคนดิเดตนายกที่น่าจับตามองคนนี้กัน
ประวัติส่วนตัว
อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร เกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2529 เป็นบุตรสาวคนเล็กของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร
การศึกษา
- จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์
- จบการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย
- จบปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ สาขาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- จบปริญญาโท สาขาวิชา International Hotel Management จาก มหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ ประเทศอังกฤษ
หลังจากเรียนจบอุ๊งอิ๊งค์ได้กลับมาดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ด้านบริหารกลุ่มธุรกิจโรงแรม บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และกรรมการบริษัทธุรกิจในเครือ เช่น โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ โรงแรม เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ สนามกอล์ฟอัลไพน์ โรงแรมเอสซี ปาร์ค
ด้านชีวิตส่วนตัว อุ๊งอิ๊งค์ สมรสกับ “ปอ-ปิฎก สุขสวัสดิ์” ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล มีอาชีพก่อนแต่งงานคือนักบิน
ทั้งคู่เข้าพิธีมงคลสมรสเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2562 ณ โรงแรมโรสวูด ฮ่องกง โดยมีทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเป็นประธานในพิธี มีสมาชิกในครอบครัวเข้าร่วม ทั้ง นายทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งนี้คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ไม่ได้บินไปร่วมงานที่ฮ่องกง
บทบาททางการเมือง
อุ๊งอิ๊งค์ ได้สัมผัสการเมืองมาตั้งแต่ 8 ขวบ มีสายเลือดการเมืองมาตั้งแต่เป็นเยาวชน เคยถือการ์ดและโปสเตอร์ช่วยทักษิณรณรงค์หาเสียงมาตั้งแต่เด็ก และนิยามตัวเองว่าเป็น “ลูกสาวของพ่อ” มาเสมอซึ่งสอดคล้องกับที่นายภูมิธรรม เวชชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เคยกล่าวไว้ในวิดีโอ “The Candidate Paetongtarn ” ว่า
“อุ๊งอิ๊งค์ซึมซับการเมืองไทยมาตั้งแต่กระบวนการตั้งต้นของการทำงานพรรคการเมือง ซึ่งตรงนี้หายากที่จะได้ เห็นการประชุมกันที่บ้าน จนวันสรุปที่จะตั้งพรรคไทยรักไทย รู้นโยบายทั้งหมดของพรรคเพราะได้ฟังหลายรอบ ทั้งตอนเตรียมตอนปราศรัย มองเห็นประชาชนตอบรับยังไง น่าจะซึมซับตรงนี้ไปได้เยอะ”
อุ๊งอิ๊งค์ เริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างจริงจังในปี พ.ศ. 2564 มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคเพื่อไทยที่ จ.ขอนแก่น โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ประกาศลาออก และมีประกาศเปิดตัว แพทองธาร เป็นประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรค
ต่อมาในการประชุมของพรรคเพื่อไทยวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2565 แพทองธาร ได้รับตำแหน่ง “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” จากนั้นในเมษายน พ.ศ. 2566 ได้เปิดตัวเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ร่วมกับ เศรษฐา และนายชัยเกษม นิติสิริ อีกทั้งระบุพร้อมจะจับมือกับทุกพรรคหากมีความคิดเรื่องนโยบายตรงกัน
หลังจากการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยพลิกกลับมาจัดตั้งรัฐบาล โดยมี “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แพทองธารได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ และยังนั่งในตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ เพื่ออัพเกรดบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค
หลังจากนพ. ชลน่าน ศรีแก้ว ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพราะไม่สามารถรักษาคำพูดว่าจะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ทางพรรคมีมติเลือก แพทองธาร ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยเจ้าตัวหวังว่าจะนำพรรคเพื่อไทยกลับมายืนเป็นอันดับหนึ่งเหมือนในอดีต