วันที่ 9 ธ.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบคุณลุงอายุ 85 ปี ตาข้างขวาก็บอดมองไม่เห็น เดินสักไม้เท้าจากนครราชสีมา จะไปชลบุรี ค่ำไหนนอนนั่น ขออาศัยนอนตามวัด หลังจากไปหาลูกชายคนโตที่นครราชสีมา ซึ่งจากกันมา 9 ปี แต่ไม่พบลูกชาย ได้สอบถามเพื่อนบ้านก็ไม่รู้ลูกชายไปอยู่ที่ไหน เงินที่พกติดตัวมา 2,000 บาท จ้างรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างตามหาลูกชายหมดลง เหลือเงินติดตัวอยู่ 8 บาท
จึงตัดสินใจเดินเท้าจาก บขส.โคราช มาตามถนนสาย 304 เพื่อที่จะกลับบ้านเกิดที่เกาะโพธิ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ระหว่างที่เดินเท้ากลับบ้าน มีเสื้อผ้าชุดเดียวค่ำไหนนอนนั่น มีคนเห็นเกิดความสงสารก็ให้ข้าวให้น้ำกิน บางวันไม่ได้กิน มีคนสงสารให้เสื้อผ้าและกระเป๋าใส่เสื้อผ้าเสื้อกันหนาว ขณะที่นั่งพักเอาแรงหน้าวัดหนองนมหนู ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี มีชาวบ้านสงสารให้น้ำเต้าหู้และเงิน 20 บาทและให้ข้าวกล่องไว้กินตามทาง
โดย ลุงเล็ก วงษ์ใจยา อายุ 85 ปี เผยว่า เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ได้ไปหาลูกชาย ชื่อนายสมควร ลูกชายคนโต ที่ไปตั้งหลักอยู่ที่นครราชสีมาได้ 9 ปี ไม่ได้เจอกัน ด้วยความคิดถึงลูกจึงอยากจะไปเยี่ยมลูกชาย แต่ไปแล้วลูกชายน่าจะย้ายที่อยู่จึงไม่เจอกัน จึงตัดสินใจเดินเท้ากลับจากโคราชกลับบ้านเกิดที่ชลบุรี ตนเองมีลูกชาย 2 คนคนโตอยู่ที่โคราช ลูกคนที่ 2 เป็นผู้หญิงมีครอบครัวแล้วอยู่ที่จังหวัดระยอง
ผู้สื่อข่าวจึงช่วยเหลือให้ขึ้นรถโดยสารประจำทางกลับบ้าน แต่ระหว่างที่รอรถโดยสารประจำทางสายโคราช-ชลบุรี ซึ่งรอตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 8 โมงเช้า รถโดยสารยังไม่มา ลุงตัดสินใจเดินเท้ามุ่งหน้าไปตามถนนไปพลาง ๆ ผู้สื่อข่าวจึงตัดสินใจพาไปส่งที่คิวรถตู้ โดยเจ้าของรถตู้ใจดีลดราคาพิเศษให้ลุงโดยสารกลับบ้านอีกด้วย