มิสแกรนด์ “ชาล็อต ออสติน” เศร้าตั้งโต๊ะแถลงพร้อม “บอสณวัฒน์” แจงยิบถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นดีเอสไอต้มเปื่อยกล่าวหาร่วมฟอกเงินหุ้น STARK โดยขายบัญชีให้ 1 ในผู้ต้องหาและรับผลประโยชน์เดือนละ 8 แสนบาท เจ้าตัวตกใจประกอบเป็นโรคแพนิก หลงเชื่อโอนเงินให้ตรวจสอบเพื่อแสดง ความบริสุทธิ์ใจ 3 ครั้ง รวม 4 ล้านบาท รับเสียใจมากที่ถูกหลอกลวงง่าย ด้าน “บอสณวัฒน์” ชี้ ที่ออกมา เปิดเผย พร้อมคลิป AI เพราะอยากให้เป็นอุทาหรณ์ ด้านบิ๊กตำรวจไซเบอร์เดินทางมารับเรื่องหลังรับการ ประสานพร้อมโอนคดีจาก สน.สุทธิสารไปไว้ในความรับผิดชอบแล้ว
นางงามมิสแกรนด์โดนแก๊งคอลต้ม 4 ล้าน เปิดเผยเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 10 ธ.ค. ที่บริษัทมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) น.ส.ชาล็อต ออสติน อายุ 25 ปี นางงามสังกัดมิสแกรนด์ และนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานบริษัทมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าวโดย น.ส.ชาล็อตเผยว่า เหตุเกิดขึ้นช่วงเย็นวันที่ 7 ธ.ค. ขณะขับรถมายังบริษัทมิสแกรนด์ฯ มีเบอร์แปลกโทร.มา ปกติเป็นคนไม่รับสายเบอร์แปลกแต่วันนั้นไปทำธุระที่ร้านแห่งหนึ่งและทิ้งเบอร์ไว้เพื่อขอใบกำกับภาษี คิดว่าเบอร์ดังกล่าวเป็นเบอร์จากร้านจึงรับสาย ปลายสายแจ้งชื่อและยศและกล่าวอ้างว่าเป็นบุคลากรดีเอสไอระบุว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ 1 ในผู้ต้องหาคดีฟอกเงินหุ้นบริษัท STARK ที่เคยมีข่าวช่วงเดือน ส.ค. และบอกด้วยว่าตนขายบัญชีให้กับนายศรัทธา และนายศรัทธาโอนเงินให้ตนทุกเดือนเดือนละ 8 แสนบาท ได้หาข้อมูลพบว่ามีคดีดังกล่าวเกิดขึ้นจริงยืนยันความบริสุทธ์ใจและแจ้งว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
น.ส.ชาล็อตเผยถึงเล่ห์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อว่า จากนั้นคนร้ายให้ตนกดโค้ดตามเพื่อโอนสายไปยังเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งคนอ้างว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ โค้ดดังกล่าวคาดว่าเป็นโค้ดที่ทำให้โทรศัพท์บล็อกเบอร์จากบุคคลอื่นให้ติดต่อสื่อสารไม่ได้ นอกจากนี้ยังขอไลน์เพื่อวิดีโอคอลหาตนอ้างจะใช้ภาพและวิดีโอส่วนนี้ไปใช้ในชั้นศาลเพื่อฟ้องนายศรัทธา โดยคนร้ายกล่าวว่า มีการติดตามตำแหน่งตนอยู่ห้ามบอกใครเพราะเป็นความลับทางราชการ หากบอกใครจะทำให้ผู้นั้นโดนดำเนินคดีไปด้วย ทำให้ตนกังวลและกลัวไม่สามารถบอกใครและไม่กล้าเดินทางมาที่บริษัท อีกทั้งคนร้ายยังนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีความดังกล่าวจากศาลและ ปปง. มาโชว์ให้ตนเห็นทำให้ตนเชื่อสนิทใจ
นางงามสังกัดมิสแกรนด์กล่าวต่อว่า จากนั้นคนร้ายให้ตนยืนยันความบริสุทธิ์ใจโดยให้โอนเงินอ้างว่านำไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน และจะได้รับคืนภายใน 10-15 นาที จึงโอนไปครั้งแรก 2 ล้านบาท หลังถึงเวลากำหนดคืนเงิน คนร้ายยังอ้างว่าอยู่ระหว่างการประชุมเพื่อนำเรื่องเรียนผู้บังคับบัญชาเพื่อตรวจสอบ ตลอดเวลาคนร้ายห้ามวางสายวิดีโอคอล และพูดคุยกันเป็นระยะ
น.ส.ชาล็อตกล่าวต่อว่า กระทั่งเที่ยงคืนเศษของวันที่ 8 ธ.ค. คนร้ายได้อ้างว่ามีการตรวจสอบยอดแล้ว และให้โอนเพิ่มอีก 2 ล้านบาทเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมจึงโอนให้อีก 2 รอบ รอบแรก 5 แสนบาท อีกรอบ 1.5 ล้านบาท สรุปโอน 3 ครั้ง รวม 4 ล้านบาท เป็นการโอนไปบัญชีเดียวชื่อ น.ส.ปริชาติ แซ่เอี๊ยว เริ่มสงสัยแน่ใจว่าถูกหลอก ช่วงเช้าวันที่ 8 ธ.ค.ได้โทร.อายัดบัญชีชั่วคราวและบันทึกภาพวิดีโอไว้เป็นหลักฐานพร้อมแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร เรื่องที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจที่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพง่ายเพราะป่วยเป็นโรคแพนิกกลัวไปทุกอย่างขณะนี้กำลังรักษาโรคนี้อยู่ด้วย
ด้านนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนนำคลิปวิดีโอขณะที่ น.ส.ชาล็อตพูดคุยกับมิจฉาชีพไปให้คนรู้จักตรวจสอบ คาดว่าคลิปดังกล่าวเป็น AI อีกทั้งยังคิดว่า น.ส.ชาล็อตจะไม่ได้เงินคืนเนื่องจากมิจฉาชีพส่วนมากอยู่ต่างประเทศ แต่ที่แถลงข่าววันนี้เพื่อที่จะเป็นอุทาหรณ์ให้ใครอีกหลายๆคน ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ได้เดินทางมารับข้อมูลเพื่อจะโอนย้ายคดีจาก สน.สุทธิสาร มายัง บช.สอท.ด้วย
พล.ต.ต.วิวัฒน์เปิดเผยว่า เบื้องต้นทราบว่าผู้เสียหายแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร และได้อายัดบัญชีไว้ในเบื้องต้นทราบว่าเป็นการโอนเข้าบัญชีม้าและถูกโอนออกไปยังบัญชีอื่น ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบโดยจะโอนย้ายคดีมาอยู่ในความรับผิดชอบของ สอท. ยืนยันจะเร่งสืบสวนขยายผลให้เร็วที่สุด น่าจะมีความคืบหน้าภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนหลักฐานที่เป็นคลิปบันทึกไว้ขณะพูดคุยกับมิจฉาชีพที่ใช้ระบบ AI แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่นั้น ยอมรับว่านวัตกรรมมิจฉาชีพก้าวหน้าไปมาก จะใช้การเชื่อมต่อสัญญาณผ่านระบบดาวเทียวสตาร์เทค สุ่มผู้เสียหายหลอกเอาเงินโดยไม่ได้เจาะจงไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง ที่ผ่านมามีหลายคดีที่ตำรวจสามารถนำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายได้ จากหลักฐานเบื้องต้นคาดว่าคดีของคุณชาล็อตไม่ใช่คดีที่ซับซ้อน แม้ปลายทางจะโอนเงินเปลี่ยนเป็นสกุลดิจิทัลแล้ว เจ้าหน้าที่สามารถติดตามเส้นทางการเงินได้