พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ ยันคลิปจากกล้องบอดี้แคมของตำรวจระงับเหตุผู้ป่วยคลั่งเปิดเผยยังไม่ได้ เพราะเป็นวัตถุพยานของเจ้าหน้าที่อยู่ในขั้นตอนการสอบสวน ด้าน ผอ.โรงพยาบาล ยอมรับวงจรปิดเสีย ไม่สามารถใช้การได้ตามปกติ อยู่ระหว่างการจะเปลี่ยน ไม่ใช่เป็นข้อแก้ตัวใดๆ
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีที่ นายอภิชัย ชมพู อายุ 26 ปี เสียชีวิตจากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ เข้าระงับเหตุ เมื่อเวลา 13.45 น.ของวันที่ 3 ม.ค.68 หลังผู้ตายได้เข้ามารักษาตัวด้วยโรคไส้ติ่งอักเสบที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และนอนพักฟื้นอยู่ภายในห้องผู้ป่วยรวม โรงพยาบาลสุรินทร์ อาคาร 9 ชั้น 4 ก่อนจะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง อาละวาด ใช้อาวุธขวานจากที่เก็บไว้เป็นอุปกรณ์ดับเพลิง และเสาน้ำเกลือ ไล่ทำร้ายผู้ป่วย, ญาติผู้ป่วยอื่น และทรัพย์สินทางราชการ ตำรวจสายตรวจสองนายจึงเข้าระงับเหตุและผู้ก่อเหตุถูกยิงเสียชีวิต ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (4 ม.ค.68) พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ พร้อมด้วยรองผู้บังคับการฯ ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมกับ นายแพทย์ชวมัย สืบนุการณ์ ผอ.โรงพยาบาลสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่บุคลากรของโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องและอยู่ในเหตุการณ์ เข้าประชุม เพื่อสอบสวนและตรวจสอบรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตามข้อมูลที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ต่อมาเมื่อเวลา 18.00 น. ผู้กำกับการ สภ.เมืองสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสุรินทร์ ได้เข้าไปเป็นเจ้าภาพในการสวดอภิธรรมศพ พร้อมกันนี้ได้มีตัวแทนนำพวงหรีดของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์ภูวเดช สุรโคตร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์สามารถ ถิระศักดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 9 และนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ มาวางแสดงความไว้อาลัยและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกด้วย ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลดเป็นอย่างยิ่ง
ท่ามกลางครอบครัว ชาวบ้านและสังคม ที่ต่างยังคงคาใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดใน รพ.หลักขนาดใหญ่ของจังหวัด ทำไมถึงเสียและกล้องติดตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจที่เข้าระงับเหตุ ทำไมถึงไม่สามารถนำออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้ ทั้งๆ ที่ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สุรินทร์ ยืนยันผ่านการแถลงข่าวช่วงบ่ายแล้วว่ามีคลิปของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่อาจเปิดเผยได้ โดยผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สุรินทร์ ให้เหตุผลว่า “กล้องวงจรปิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นวัตถุพยานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ในขั้นตอนกระบวนการสอบสวน ซึ่งจะมีส่วนได้เสียของทุกฝ่าย คงต้องเป็นเรื่องของการสอบสวน เผยแพร่ไม่ได้”
สำหรับบรรยากาศภายในงานศพเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ทางครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิต ยืนยันว่าจะดำเนินการกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ถึงที่สุด หากยังไม่ยอมเปิดเผยคลิปเพื่อความชัดเจนของทุกฝ่าย ที่ยังคงคาใจอยู่
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่ ผอ.โรงพยาบาลสุรินทร์ ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับกรณีกล้องวงจรปิดว่า เรื่องนี้ว่า ต้องเรียนกับน้องสื่อมวลชนตามจริงว่า กล้องอยู่ระหว่างการจะเปลี่ยน จึงไม่สามารถที่จะใช้การได้ ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด ที่ผ่านมาเราก็เปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ ตรงจุดนี้ก็เลยยังใช้ไม่ได้ ซึ่งเป็นความสัตย์จริง ไม่ใช่เป็นข้อแก้ตัวใดๆ แต่อย่างไรก็ตามยิ่งกว่ากล้องวงจรปิด คือ เรามีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่เป็นประจักษ์พยานได้และมีคนไข้ ญาติคนไข้อีกหลายคนที่เขาเห็นสามารถเป็นประจักษ์พยานได้
ส่วนเรื่องสำนวนคดีนั้น ตำรวจได้ตั้งไว้ 3 สำนวน ทั้งสำนวนชันสูตรพลิกศพ สำนวนคดีวิสามัญฆาตกรรม และผู้ต้องหา ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยิงด้วย ก็ต้องตกเป็นผู้ต้องหาตามกฎหมายข้อหาฆ่าผู้อื่น โดยอ้างว่าปฏิบัติการตามหน้าที่ ต้องรายงานคดีต้องมีการสอบสวน พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ ยืนยันว่าความเป็นธรรมต้องดำเนินการอยู่แล้ว รวมไปถึงผู้เสียชีวิตก็จะเป็นผู้ต้องหาด้วย โดยเฉพาะอาวุธปืนที่ก่อเหตุก็ได้เข้าสู่ขบวนการสอบสวนแล้ว โดยคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งตำรวจภูธรจังหวัดได้ตั้งขึ้นมา.