ครีม เปรมสินี ขอเปิดใจครั้งแรกหลังกลับมาคืนดีกับเพื่อนสาวรุ่นพี่อย่าง หนิง ปณิตา ในรอบ 5 ปี พร้อมเปิดสถานะหัวใจตอนนี้โสดจริงหรือว่าเข็ดกับความรักแล้ว ในรายการ “คุยแซ่บ Show” ทางช่อง One31 ที่มี หนิง ปณิตา และ ดีเจพุฒ พุฒิชัย เป็นพิธีกร
มีประเด็นดราม่ากันจำไม่ได่ว่าตีกันเรื่องอะไร วันนี้คืนดีกันแล้ว ขอย้อนไทม์ไลน์นิดนึงว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร?
หนิง : ปัญหาไม่เคยถูกพูดถึงในหน้าสื่อว่าเรามีปัญหาอะไร แต่มันเป็นข่าวออกมาที่ถูกบอกว่าเราสองคนมีปัญหา แต่เราขอไม่พูดถึงต้นตอของปัญหาคืออะไร แต่ต้องบอกว่าปัญหา ณ วันนั้นหนิงผิด
ครีม : จริงๆ พี่หนิงไม่ได้อะไรหรอก แต่นางเล่นใหญ่ไง เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรหรอก พอนางเล่นใหญ่ เราก็เลยรู้สึกว่าเรายังไม่อยากที่จะพูดตอนนั้น เพราะถ้ายิ่งพูดก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เราก็เลยปล่อยระยะเวลาให้ผ่านพ้นสัก 4-5 ปีแล้วค่อยกลับมาคุยกัน
เท่าที่ฟังเหมือนเรื่องมันนิดเดียว?
หนิง : เรื่องไม่มีอะไรเลย
ครีม : ก็งอนแหละ เรารู้จักกันมานานก่อนพี่หนิงแต่งงานอีก จริงๆ มันก็มีเรื่องราวในชีวิตเรามากมาย ความรู้สึกเรานะ เขาก็เหมือนพี่เราคนนึง ซึ่งเขาก็คิดว่าเราเป็นน้อง ซึ่งเป็นน้องฉันสามารถที่จะพูดอะไรกับเธอก็ได้ ฉันรู้สึกอย่างนี้ ฉันแสดงออกกับเธออย่างนี้ แต่บางทีก็รู้สึกว่ามันทำร้ายจิตใจเรานิดๆ หน่อยๆ แต่จริงๆ ในใจเขา เขาคิดว่าสนิทกับเรามาก อาจจะคิดแค่ว่าเขาพูดได้ เขาเตือนได้แค่นั้นเอง
แล้วทำไมถึงต้องปล่อยให้เวลาเนิ่นนาน 4-5 ปี แอบติดตามผลงานซึ่งกันและกันบ้างมั้ย?
หนิง : ตลอดเวลา 4-5 ปี พอระลึกได้ว่าเล่นใหญ่ไป หนิงพยายามโทรและไลน์หานาง
โทรไปแล้วเป็นยังไง?
ครีม : ตอนนั้นเหรอ เชิดใส่ (หัวเราะ) ตอนนั้นความรู้สึกเรานะ มันยังไม่ถึงเวลา มองว่าเพื่อนกันมันเหมือนแฟน มีโกรธกันได้ ทะเลาะกันได้ แต่บางทีเราแค่รู้สึกว่าเวลาอาจจะช่วยทำให้อะไรดีขึ้น เราก็รู้สึกว่ายังไม่รับแล้วกัน บางทีก็ลืมด้วยอะไรด้วย เปลี่ยนเบอร์ด้วย สุดท้ายก็ไม่ได้คุยกัน แล้วก็มาถึงวันที่ต้องเจอกันเลยทำให้ได้คุยกัน เพราะ 4-5 ปีที่ผ่านมาไม่ได้เจอกันเลย เหมือนตอนเราแต่งงาน เราก็ไปใช้ชีวิตของเรา ไม่ทำงานในวงการ แต่พี่หนิงยังทำ ความที่จะมาเจอกันมันยากค่ะ
ได้ติดตามเรื่องราวของกันและกันมั้ย?
หนิง : แอบตามตลอดผ่านคุณเมย์ พิชญ์นาฏ คือพุฒจะถามพี่ว่าได้ตามเรื่องที่น้องเลิกกับสามีมั้ย แต่ไม่กล้าถามพี่ใช่มั้ย (หัวเราะ)
ตอนนั้นที่พี่ครีมเลิกกับอดีตสามี ตัวพี่หนิงเองรู้เรื่องมั้ย ทักไปให้กำลังใจหรือพูดคุยมั้ย?
หนิง : รู้เรื่อง แอบตกใจ ติดตามเรื่องเขาผ่านทางเจ้าเมย์ ช่วงหลังที่พี่อาจจะโทรถี่หน่อย หรือไลน์ถี่หน่อย คือแอบเป็นห่วงเรื่องนี้ แต่เวลาที่ไลน์จะไม่กล้าเขียนเรื่องเข้าไป เดี๋ยวมันกลายเป็นว่าเรายังไม่ได้เคลียร์เรื่องเก่าเรา แล้วเราไปเขียนเรื่องใหม่ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นเราอยากจะไปยุ่งเรื่องน้องหรือเปล่า แต่เป็นห่วงตลอด จริงๆ ต้องบอกว่าเป็นห่วงตั้งแต่ก่อนแต่ง
ครีม : เมย์มาถามค่ะ ตอนที่เลิกกับสามีเก่า เมย์ก็ถามว่าพี่หนิงถามว่าโอเคหรือเปล่า เราบอกเราโอเคไม่ต้องเป็นห่วง แต่เรื่องเขาเราก็รู้นะ เพราะว่าเขาก็เป็นข่าวตลอดเวลา แต่มันเหมือนมันยังไม่ได้มีจุดที่คลิก ไม่รู้เราจะเข้าไปยังไง
แล้วจุดไหนที่ทำให้เราทั้งสองคนต้องกลับมาคุย กลับมาคืนดี กลับมาเจอหน้ากันแล้ว?
ครีม : งานแต่ง เมย์ พิชญ์นาฏ คือเมย์แต่งงานเมื่อปี 2566 แล้วเขาก็พูดตั้งแต่แรกเลยว่างานนี้เพื่อนเจ้าสาวมีใครบ้าง พอเรารู้ปุ๊บ ฉันก็เตรียมใจเลยว่างานนี้ฉันต้องเจอคุณหนิง ปณิตา แน่นอน เลี่ยงไม่ได้แล้ว ก็คือต้องเจอ เราก็โอเค ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะว่าเวลามันผ่านไป เราไม่ได้สนใจ เราลืมไปแล้ว ก็ตั้งตารอเลยว่าวันนั้นต้องเจอนางแน่ๆ
เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมประโยคที่จะพูดคุยอย่างไร?
ครีม : เจอกันก็ต้องเข้าไปสวัสดีอยู่แล้ว เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่กว่าเรา เราเป็นเด็ก เนื้อเรื่องกลับตาลปัตรและช็อกมาก ปีนั้นนางเข้าโรงพยาบาล เราก็เอ้า ไม่มาแล้วเหรอ จริงๆ อยากเจอมากนะ ทำไมไม่มา รออยู่
ฝั่งพี่หนิงพอรู้ว่าพี่เมย์จะแต่งงานแล้วต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วย?
หนิง : จริงๆ ก่อนที่เมย์จะแต่งงานได้คุยกันแล้วนะ อย่างที่บอกว่าหนิงพยายามไลน์ไปหาน้อง พยายามโทรไปหา แล้วมีอยู่วันหนึ่งนางก็รับ เวลาโทรไปหานางจะโทรแค่ 2 ครั้ง ถ้านางไม่รับคือเราจะรู้นิสัยน้อง ถ้าน้องไม่พร้อมน้องก็จะไม่รับ ทิ้งระยะเวลาไปอีกสักพักมันจะมีโมเมนต์นึกถึง แล้วก็ชอบแอบส่องไอจีนาง รูปเวลานางโพสต์ หรือข้อความเวลานางเขียน ด้วยความที่เราอยู่กับนางมานาน เราจะรู้ว่าอันนี้มันไม่ปกติ แต่ต่อให้คนอื่นดูเป็นปกติ เราก็จะรู้ว่ามันไม่ปกติ เราก็จะทักไป จนวันนึงนางรับโทรศัพท์
ครีม : พอถึงจุดเรารู้สึกว่าเราไม่ได้คิดอะไรแล้ว เราพร้อมแล้ว เราก็รับแต่รับแบบงงๆ นะ ประโยคแรกเลย “รับโทรศัพท์กูได้แล้วเหรอ” เชื่อมั้ยประโยคแค่นี้จากที่ไม่ได้คุยกันนาน มันขำอ่ะ แล้วเราก็ปลดล็อก มันรู้สึกว่าเหมือนเดิม ไม่ว่าเราจะเป็นยังไงก็ตาม แต่สุดท้ายก็คือคำพูดแค่นี้ มันไม่ต้องพูดเลย
หนิง : เชื่อมั้ยว่าก็ยังขอโทษเขาอยู่ จนวันนี้ล่าสุดก็ยังเขียนขอโทษเขาอยู่
ครีม : แต่อันนี้เราก็ชื่นชมในพี่หนิง ด้วยความที่เขาเป็นพี่เรารู้สึกว่าบางทีจริงๆ เขาอาจจะไม่ต้องพูดก็ได้ ณ วันนั้นถ้าเขาไม่พูด เราไม่ได้คิดอะไรแล้ว พอเขาขอโทษเรารู้สึกจริงๆ ว่าสิ่งที่เขาพูด เขารู้สีกจริงๆ พูดกับเขาบอกว่าพี่หนิงที่ผ่านมาไม่ต้องพูดแล้ว เราข้ามหมดแล้ว เราแค่รู้สึกว่า ณ วันนี้เราโตแล้ว
คือ ณ วันนี้มองว่าอาจจะเด็กด้วย พอวันนี้เราผ่านอะไรมา มันไม่ใช่เรื่องอะไรขนาดนั้นที่เราจะข้ามไม่ได้ แล้วเราจะกลับมาคุยกับพี่เราไม่ได้ เราก็เลยบอกเขาไม่ต้องพูดแล้ว วันนี้หนูขอให้พี่มีความสุข แล้วเรารู้สึกว่าเขาเจอปัญหาในชีวิตเยอะมาก ช่วงนั้นเขาก็หนักจริงๆ เพราะมันมีข่าวตลอดเวลา เราแค่รู้สึกว่าเราไม่อยากจะเอาปัญหานี้ทำให้เขาปวดหัวอีก เราแค่มองว่าวันที่เขาคุยกับเรา เราถึงบอกว่าพี่ไม่ต้องพูดแล้ว หนูอยากให้พี่มีความสุข เราพูดแค่นี้
ในวันงานแต่งพี่เมย์ ครีมเขาวิ่งหาพี่หนิงในงานด้วย ก่อนจะรู้ว่าพี่ป่วย พี่รู้มั้ย?
ครีม : ก็ถามทุกคนเลยว่าพี่หนิงไม่มาเหรอ เพราะตอนนั้นนางนั่งรถเข็นด้วย คิดว่าถ้านางนั่งรถเข็นมาฉันจะต้องเดินไปรับนางแล้ว แต่ทุกคนก็บอกว่านางไม่มา แล้วก็เจอน้องสาวพี่หนิงเขาก็บอกว่าพี่หนิงไม่มา
หนิง : ถ้าจำไม่ผิดหลังจากฟื้นแล้วก็โทรหาครีมเหมือนกัน เพราะว่าเมย์ก็จะโทรว่าพี่หนิงโอเคมั้ย ช่วงที่มีงานเมย์อาจจะไม่ได้โทรเพราะว่าอาจจะวุ่นๆ กับงาน เมย์รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหนิงในวันแต่งงานเขาแล้วไปไม่ได้ เมย์ก็ตกใจแล้วโทรมาก็คุยกันเยอะ แล้วก็พูดถึงครีมว่าพี่หนิงรู้มั้ยว่าครีมตามหาพี่หนิงในงานนะ พอเราฟื้นแล้วเราก็โทรไปหาน้อง
ครีม : นิสัยเราสองคนเหมือนกัน ถ้าเราไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ เราจะทำไม่ได้ เราเป็นคนถ้าไม่โอเคจริงๆ เราก็จะไม่ยุ่งเลย แต่ ณ วันนี้เราข้ามไปแล้วจริงๆ แล้วเราก็เชื่อว่าเขาก็ข้ามแล้วจริงๆ
แล้วพี่หนิงอะไรเป็นตัวปลดล็อกทำให้เราตัดสินใจขอโทษน้อง กลับมาคุยกับน้อง?
หนิง : จริงๆ มันรู้สึกผิดตั้งแต่วันแรกที่ทำลงไปแล้วนะ มันเป็นอารมณ์น้อยใจ แล้วพอทำลงไปเสร็จแล้วมานั่งถามตัวเองว่าทำไปทำไม เราควรจะเชื่อใจน้องเราเยอะๆ มากกว่านี้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน มันรู้จักกันในวันที่เรามีปัญหาทั้งคู่ แล้วเราไม่ได้เริ่มรู้จักกันในมุมโลกสวยงาม เรารู้จักกันในวันที่เรามีปัญหาแล้วเราแย่ทั้งคู่ แล้วเราก็ไปอยู่ในสถานการณ์ไปช่วยกันแก้ปัญหา
พอวันที่เด็กคนหนึ่งที่มันรับรู้ปัญหาของเราแล้วเรารับรู้ปัญหาของมัน ทำไมเราถึงไม่เชื่อใจมัน ทำไมเราถึงไปฟังคนอื่น แค่ว่าคนอื่นเอาใจเรามากกว่าแค่นั้นเหรอ ในมุมเป็นพี่เรารู้สึกเราอยากจะขอโทษเขาตลอดเวลา เพราะเรารู้เลยว่าเขาก็ต้องเสียใจมากที่ทำไมมึงไม่เชื่อกูวะ มึงไปฟังคนอื่นทำไม
ครีม : เล่นใหญ่ไง บอกแล้ววันนั้นเล่นใหญ่ (หัวเราะ)
หลังจากที่คุยกันวันนั้นมีได้เจอกันมั้ย?
ครีม : ได้เจอบ้านเมย์ครั้งนึง แต่เจอแบบแวบๆ ไม่ได้เจอเยอะ แล้วมาเจอจังๆ อีกทีคืองานแต่งคุณวุ้นเส้นก็คืออีกปีนึงเลยนะ
หนิง : วันนั้นที่บ้านเมย์คือหนิงเชื่อว่าเขาก็ตั้งใจจะมาเพราะเขาก็ยุ่ง แล้วเขามาแวบเดียว เขาก็ต้องรีบไปต่ออีกงานนึง ตัวหนิงเองวันนั้นแทบไม่ได้คุยกับเขาเลยเพราะหนิงติดสายเรื่องงาน นั่งเคลียร์ปัญหาวุ่นวายมาก อยู่ๆ เขาเดินเข้ามาทักเรา มันไม่มีฟีลเคอะเขินเลยนะเพราะว่ามันติด
ครีม : เราข้ามแล้วจริงๆ ไง นางนั่งอยู่กับแก๊งใหญ่เลย เราเลยรู้สึกว่าต้องเดินไปสวัสดีหน่อย มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งนั้นจะไม่ไปสวัสดีได้ยังไง
วันนั้นคุยอะไรกันบ้าง?
ครีม : คุยกันว่าอิจฉาคุณวุ้นเส้นมากที่ได้สามีหล่อก็แซวกันแหละ แล้วก็คุยกันว่าพี่ว่าเราจะมีวันนี้เหมือนเขาบ้างมั้ย
หนิง : แล้วครีมก็บอกว่าพี่หนิงเชื่อหนู
ครีม : รักนิรันดร์ไม่มีอยู่จริง (หัวเราะ) ประสบการณ์เราสองคนมันสอนให้เราต้องคิดเยอะนิดนึง รักแท้ก็มีอย่างพุฒกับจุ๋ยไง แต่เราอาจจะโชคไม่ดีเรื่องนี้ไง แค่พอเห็นคนอื่นมีความสุข เราก็คุยกันสองคนว่าพี่ว่าเราจะมีวันนี้เหมือนเขาอีกมั้ย
ณ ตอนนี้ที่นั่งคุยในรายการ เราคิดว่าจะมีโมเมนต์เหล่านั้นเกิดขึ้นกับเราอีกมั้ย?
ครีม : พูดจริงๆ เราไม่ได้อยากแต่งงานใหม่ คือถ้าเราไม่ได้รู้สึกว่าเราเจอคนที่เราอยากจะแต่งจริงๆ เพราะวันนี้เราก็ผ่านอะไรมาเยอะ ถ้าถามว่ามีคนคุยมีเพื่อน ถ้ามันเข้าใจกัน เราคิดว่าเราโอเค เพราะเราก็มานั่งคิดแล้วว่าจริงๆ การแต่งงานมันไม่ใช่คำตอบสุดท้าย พอแต่งงานชีวิตจริงมันหลังจากนั้น แต่งงานมันก็คือแค่จบไป ถ้าเราหาคนที่เข้าใจเราและรักเราจริงๆ ได้จะโอเคตรงนั้น
มีอะไรอยากจะบอกซึ่งกันและกันมั้ย?
หนิง : ถ้าในส่วนตัวหนิงยังอยากพูดเหมือนเดิมว่า เหตุการณ์ในวันนั้นจะไม่เกิดขึ้นถ้าเรามีสติมากขึ้นและเชื่อใจกันมากๆ เพื่อนกันมันต้องเชื่อใจกัน ห่วงทุกเรื่องเหมือนเดิมทุกประการ เอาเป็นว่าหนิงห่วงเขา แล้วเขาก็รู้ว่าหนิงห่วงเขาเรื่องอะไร เขาเป็นคนดีมากๆ คนหนึ่งดูเหมือนจะแข็งๆ แต่ข้างในเราไม่ต่างกัน เราเป็นคนอ่อนแอมาก เราก็อยากจะให้ประสบการณ์ในชีวิตอะไรที่มันเกิดขึ้นแค่ทำให้มันดีขึ้น ชีวิตหลังจากนี้มันจะมีความสุข ไม่ต้องเพื่อนเยอะ ไม่ต้องคบคนเยอะ เอาแค่คนที่เข้าใจกัน วันที่เลวสุดก็ยังก็ยังเข้าใจ แล้วก็รัก
มีอะไรจะบอกพี่สาวคนนี้?
ครีม : ก็เป็นห่วงเขาแหละ แค่อยากจะบอกว่าพี่เลิกคิดโทษตัวเองได้แล้ว ครีมพูดกับเขาตลอดเวลาว่าหนูอยากให้พี่มีความสุข ครีมเชื่อว่าเขาทุกข์มาเยอะ เจอปัญหามาเยอะแล้ว เรื่องเขาหนักกว่าเรื่องเรามาก เขาอยู่ตรงนี้ได้ผ่านมาได้ขนาดนี้คือเขาเข้มแข็งมาก คืออยากจะบอกว่าอะไรที่พี่มีความสุขพี่ทำเลยพี่ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ความรู้สึกเราก็เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาหันมาเราก็ยังเป็นน้องสาวของเขาเหมือนเดิม
มีเป็นห่วงอะไรเพิ่มเติมพี่สาวคนนี้มั้ย?
ครีม : เขารู้ว่าเขาต้องจัดการตัวเองอะไรยังไง แค่เป็นห่วงจิตใจเขา เราสองคนมันเหมือนกัน ข้างนอกแข็ง แต่ข้างในเราเซนซิทีฟมาก เราอยากให้เขามีกำลังใจที่ดี เจอเรื่องดีๆ แล้วต่อจากนี้ขอให้เขามีความสุข
บทเรียนความรักในอดีต สอนอะไรให้เป็นครีม เปรมสินี ในวันนี้?
ครีม : ก็สอนเยอะนะ เมื่อก่อนมองว่าตอนที่เราจะแต่งงาน เรา 30 กว่า เราใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ทุกคนเตือนหมด พี่สาวก็เตือน (หนิง ปณิตา)
หนิง : พูดกับครีมว่าห้ามแต่ง
ครีม : ฉันก็พูดกับเขาตอนเขาแต่งงานว่าจะดีเหรอ ห้ามกันไปมาแล้วเขาเชื่อเรามั้ย เขาก็ไม่เชื่อไง สุดท้ายถ้าพี่เรารักเราก็ซัพพอร์ต อย่างอันนี้เราก็เชื่อว่าเขาก็รู้ว่าเราโอเคเราแฮปปี้ก็ซัพพอร์ตเราแหละ ทุกคนเตือนมั้ย ทุกคนก็เตือน แต่ว่า ณ เวลานั้นมันด้วยวัย ความคิดที่เราไม่เคยมีประสบการณ์ เราก็รู้สึกว่าเราใช้ใจตัดสินอย่างเดียว ก็ฉันชอบ ฉันจะแต่ง ฉันรัก สุดท้ายมันแต่งไปแล้วเรามาเรียนรู้ว่าความรักอย่างเดียวมันไม่พอ มันต้องมีเหตุปัจจัยอย่างอื่นด้วยที่มันจะทำให้เราอยู่ด้วยกันได้มั้ย
ตอนนั้นก่อนแต่งงานคบกันกี่ปี?
ครีม : คบตั้ง 5-6 ปี แล้วก็แต่งงานได้ประมาณ 2 ปีกว่าเองแล้วก็เลิก สุดท้ายครีมมองว่าคนเราไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ ถ้ายังรักกันไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร แล้วเราพร้อมจะจับมือแล้วแก้ปัญหาด้วยกัน ครีมเชื่อว่าปัญหานั้นจะผ่านได้ แต่ถ้า ณ วันนึงที่เรารู้สึกว่าเราเจอปัญหาแล้วคู่ของเราไม่ร่วมแก้ปัญหา แล้วเขาปล่อยมือเราไว้กลางทาง มันก็ไม่เวิร์กแล้วสำหรับชีวิตคู่ เพราะฉะนั้นเรารู้สึกว่าถ้ามันไม่ร่วมกันแล้วฝ่าฟันไปด้วยกัน มันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ เราก็รู้สึกว่ายุติความสัมพันธ์ดีกว่า
ตอนที่เขายุติความสัมพันธ์พี่หนิงว่ายังไงบ้าง?
ครีม : ตอนนั้นไม่ได้คุยกันไง
หนิง : ไม่ได้คุยกันแต่รับรู้เรื่องราวมาตลอด แล้วหนิงเองรู้สึกสบายใจ ตัวเรามีประสบการณ์อะไรหลายๆ อย่าง แล้วพอรู้ว่าน้องได้ยุติความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเรารู้สึกว่าสบายใจ น้องเราจะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์ จริงๆ หนิงเห็นปัญหานี้ตั้งแต่ก่อนเขาจะแต่งงาน
พี่หนิงเห็นอะไร พี่หนิงเตือนอะไร?
หนิง : หนิงจะเตือนน้องเสมอว่าเวลาที่เราจะคบกับใครสักคนนึงจนเราจะเลือกว่าเขาคือคู่ชีวิตเรา ขอให้ดูให้นานๆ เขาก็จะเถียงหนิงว่าก็ดูมา 5-6 ปีแล้วพี่ หนิงก็บอกว่า 5-6 ปีมันดูด้วยอารมณ์หรือเปล่า คือเราพลาดมาก่อน เราเอาประสบการณ์สอนเขาว่าดูให้นานๆ คิดจะใช้คู่ชีวิตกับใครมันต้องดูไปจนถึงคนรอบข้างเขาเป็นยังไง ครอบครัวเขาเป็นยังไง เขาเข้ากับเราได้หรือเปล่า
วันที่พี่หนิงพูดเชื่อว่ายังไม่เข้าใจ?
ครีม : ไม่เข้าใจ วันนี้เข้าใจแล้ว เข้าใจดีเลยค่ะ เข้าใจดีมาก (ยิ้ม)
ตอนนี้โสดมากี่ปี?
ครีม : 4 ปีค่ะ
เข็ดกับความรักมั้ย?
ครีม : ไม่เข็ด เพราะว่าเราไม่เอาใครตัดสินกันอยู่แล้ว ผู้ชายไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
ช่วงเวลาที่ 4 ปีมีใครมาจีบบ้างมั้ย?
ครีม : มันก็ต้องมีบ้าง เราก็ไม่ได้หน้าขี้ริ้วขี้เหร่
แล้วตอนนี้คุยอยู่มั้ย?
ครีม : ไม่คุย ไม่คบ ยังไม่มีแฟนนะคะ
ที่เข้ามาจีบระดับพระเอกใช่มั้ย?
ครีม : ไม่ตอบอันนี้ แต่เราเป็นเพื่อนกันแล้ว ขอเล่าก่อนเดี๋ยวจะเข้าใจผิด คือมีคนมาทำความรู้จักเราแหละ แต่พอสุดท้ายมันก็มีหลายคนนะใน 4 ปีนี้ แต่ที่เรายังไม่เลือกใครสักคนนึง เราแค่รู้สึกว่ามันยังไม่มีใครที่ทำให้เรารู้สึกว่าเรารักมากพอ หรือที่เราจะตัดสินใจหรือบอกว่าเขาคือแฟน แต่พอหลังๆ คุยกันเราก็เริ่มรู้สึก
พอเรามีประสบการณ์เราก็คิดเยอะขึ้น บางทีมันไม่ใช่เราหรอก มันก็คือเขาด้วย เขาอาจจะต้องการแบบนี้ แต่ว่าถ้ามันไม่เข้ากัน มุมมองในอนาคตเรารู้สึกว่างั้นเราก็ยุติแล้วก็เป็นเพื่อนกันดีกว่า ซึ่ง ณ วันนี้ที่ยังโอเคและยังรู้สึกกับคนบางคนที่เคยมาคุยกับเรา ถ้าวันนึงเราไปต่อไม่ได้ ณ วันนี้เรายังมีความเป็นเพื่อน
สถานะตอนนี้ก็คือ?
ครีม : โสดค่ะ ก็มีคุยบ้าง ก็จะมีทักมาบ้าง
สเปก ณ เวลานี้เป็นยังไง?
ครีม : แซ่บ (หัวเราะ) เราไม่ได้รู้สึกว่าอายุมันจะมีผลเพราะว่ากับคนบางคนอายุเยอะแล้วคิดไม่ได้ก็มี แรงไปมั้ย เด็กสมัยนี้รู้สึกว่าความคิดความอ่านเขาดี บางทีเราคุยกับคนอายุน้อยกว่าเรารู้สึกว่าบางทีเขาก็ให้แง่คิดเรา เขาก็มีมุมมองมีพลังดีๆ มากกว่าเราด้วยซ้ำ
สเปกหนุ่มคนต่อไปที่จะเข้ามาในชีวิตจริงๆ แล้วเราโอเคคนนี้ผ่าน แล้วประกาศเป็นแฟนต่อหน้าเพื่อนๆ ทุกคนได้ คนๆ นั้นต้องเป็นแบบไหน?
ครีม : เราแค่รู้สึกว่าเราต้องการความสบายใจ อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ไม่ต้องมานั่งเครียด ไม่ต้องมานั่งคิดแทนเขา เรารู้สึกว่ามันต้องเป็นคู่ที่ซัพพอร์ตกัน พากันไปในทางที่ดี อายุขนาดนี้เราไม่ต้องการเล่นเกม เราเหนื่อย เรารู้สึกว่าเราต้องการความสงบ ต้องการความจริงใจ และความรักจริงๆ แค่นั้นแหละ เมื่อก่อนเราคาดหวังเยอะ พอเราไม่ได้เราก็ผิดหวัง ณ วันนี้ถึงบอกว่ามันคือความรู้สึก ถ้าคุณใช่สำหรับเราก็คือจบ
กลับมาเล่นละครด้วยบทแม่?
ครีม : มันก็ตามวัยแหละ แต่แม่สมัยนี้วัยรุ่นไง เราก็ไม่ได้เป็นแม่แก่ แล้วเราก็ดูหน้าตาลูกเป็นหลัก ถ้าลูกหล่อปุ๊บเราก็รับเลย กลับมารับละครแล้ว ปีที่แล้วเล่น 3 เรื่อง