ตำรวจเตรียมนัดครอบครัวผู้ป่วยคลั่ง ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตใน รพ. เข้าดูคลิปที่ติดหน้าอกตำรวจ ขณะที่บรรยากาศงานศพเศร้า ครอบครัวญาติพี่น้อง กอดคอร้องไห้ระงม
วันที่ 5 ม.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นายอภิชัย อายุ 26 ปี เสียชีวิตจากเหตุถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ เข้าระงับเหตุ เมื่อเวลา 13.45 น. ของวานนี้ (3 ม.ค. 68) หลังผู้ตายได้เข้ามารักษาตัวด้วยโรคไส้ติ่งอักเสบที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และนอนพักฟื้นอยู่ภายในห้องผู้ป่วยรวม โรงพยาบาลสุรินทร์ อาคาร 9 ชั้น 4 ก่อนจะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง อาละวาดใช้อาวุธขวานจากที่เก็บไว้เป็นอุปกรณ์ดับเพลิง และเสาน้ำเกลือ ไล่ทำร้ายผู้ป่วย, ญาติผู้ป่วยอื่น และทรัพย์สินทางราชการ ตำรวจสายตรวจสองนายจึงเข้าระงับเหตุและผู้ก่อเหตุถูกยิงเสียชีวิต ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. ครอบครัว ญาติพี่น้องและชาวบ้านได้เคลื่อนศพผู้ตายไปยังเมรุวัดอุดม ตำบลชุมแสง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ โดยมี พ.ต.อ.วีระพันธ์ ณ ลำปาง ผกก.สภ.เมืองสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ พร้อมด้วยนายแพทย์ชวมัย สืบนุการณ์ ผอ.โรงพยาบาลสุรินทร์และคณะ เข้าไปร่วมทอดผ้าบังสุกุลและวางดอกไม้จันทน์เป็นครั้งสุดท้ายให้กับผู้วายชนม์ ก่อนที่จะทำการฌาปนกิจหรือเผาศพ ได้มีการอ่านประวัติของผู้วายชนม์ โดยมีน้าของผู้วายชนม์อ่านประวัติไปด้วยพร้อมกับร้องไห้เสียงสั่นเครือในขณะอ่านประวัติ สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับผู้ที่มาร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะแม่และญาติพี่น้องที่ร้องไห้ตามกันระงม แทบขาดใจ
หลังจากนั้นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ได้มาพูดคุยกับทางญาติและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เกี่ยวกับดราม่าเรื่องกล้องวงจรปิดเสียนั้น กล้องอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนมีทั้งหมด 21 ตัว และหนึ่งในนั้นก็เป็นกล้องอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย กำหนดจะติดตั้งกล้องตัวใหม่ในระหว่างช่วงนี้ จะเปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอลตามระเบียบการกระทรวงสาธารณสุข และเป็นช่วงจังหวะพอดีที่เกิดเหตุจึงอยากให้ชาวโซเชียลได้เข้าใจด้วย
ด้านกลุ่มเพื่อนๆ ผู้ตาย บอกว่า ผู้ตายเป็นคนที่อัธยาศัยดีช่วยเหลือชุมชน เพราะเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นคนดีมากๆ ไม่รู้จะพูดอะไรได้มากกว่านี้ เสียใจมากในการจากไปด้วยเหตุการณ์อย่างนี้ จึงอยากให้ผู้วายชนม์ได้รับความเป็นธรรม
หลังจากเสร็จพิธีฌาปนกิจทางญาติของผู้วายชนม์ก็ได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ตำรวจจะนัดเข้าไปพูดคุยกันที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์และให้ดูกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ที่หน้าอกตำรวจ ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร หลังจากนั้นค่อยว่ากันและจะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายต่อไป.