“วิว” ชวดเหรียญทอง สร้างประวัติศาสตร์ไม่สำเร็จ กองเชียร์ไทยต่างผิดหวัง พ่าย “วิคเตอร์”

Author:

“วิว-กุลวุฒิ” สร้างประวัติศาสตร์ไม่สำเร็จ ชวดเหรียญทอง แบดมินตัน ชายเดี่ยว โอลิมปิก “ปารีสเกมส์ 2024” ไปอย่างน่าเสียดาย หลังตบพ่าย “วิคเตอร์ แอ็กเซลเซน” มืออันดับ 2 ของโลก สองเกมรวด เก็บได้แค่ “เหรียญเงิน” ปลอบใจ แต่ยังรับเงินอัดฉีดจาก กกท. 7.2 ล้านบาท พร้อมเงินเดือนไปตลอด 20 ปี ขณะที่กองเชียร์ไทยทั้งในและนอกสนามเศร้า ลุ้นเกมไม่ขึ้น ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายกฯเตรียมชวนภาคเอกชนจัดเงินรางวัลอัดฉีด รวมถึงคุณหญิงปัทมาที่เตรียมเงินส่วนตัวให้อีก 3 ล้านบาท

ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของวงการกีฬาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาแบดมินตันเมื่อ “วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์” นักตบลูกขนไก่หนุ่มไทย มืออันดับ 8 ของโลก ที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญแรกให้กับวงการแบดมินตันไทยในกีฬาโอลิมปิก ได้เรียบร้อยแล้วและได้เข้าชิงเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิก “ปารีสเกมส์ 2024” ประเภทชายเดี่ยว ที่ลงสนามพบวิคเตอร์ แอ็กเซลเซน มือวางอันดับ 2 ของโลกจากเดนมาร์ก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงสายวันที่ 5 ส.ค.ก่อนเกมรอบชิงชนะเลิศ แบดมินตัน ประเภทชายเดี่ยว โอลิมปิก ปารีส 2024 ระหว่าง “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่หนุ่มไทย มืออันดับ 8 ของโลก ที่ลงสนามพบวิคเตอร์ แอ็กเซลเซน มืออันดับ 2 ของโลกจากเดนมาร์ก ปรากฏว่า วิว-กุลวุฒิ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Kunlavut Vitidsarn-กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ระบุว่า “วันนี้! 20.40 น. ไม่ดูแม็กซ์นี้ รออีกที 4 ปีนะครับ ถ้าคนเชียร์ เชียร์มาถึงรอบชิงฯแล้วยังไม่ท้อ แล้วคนตีจะทิ้งได้ยังไง วันนี้สู้สุดใจครับ Bonjour! Finale”

จากนั้นช่วงค่ำวันเดียวกัน ที่สยามพารากอน มีประชาชนผู้สนใจในย่านปทุมวัน และสยามสแควร์ ทยอยมารอร่วมชมการถ่ายทอดสดแมตช์ประวัติศาสตร์ การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ พร้อมร่วมส่งแรงใจเชียร์ “วิว-กุลวุฒิ” ในการแข่งขันแบดมินตันชายเดี่ยวรอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง “วิว-กุลวุฒิ” กับ “วิคเตอร์ แอ็กเซลเซน” จากประเทศเดนมาร์ก ผ่านจอทีวีขนาดยักษ์บริเวณ SCBX Next Stage ชั้น 4, พาร์คพารากอน ชั้น M และแฟชั่น ฮอลล์ ชั้น 1 กันอย่างคึกคัก โดยกองเชียร์ที่มารอเชียร์หน้าจอส่วนใหญ่ต่างลุ้นให้ วิว-กุลวุฒิ คว้าเหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกให้กับประเทศไทย ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่ายิ่งใกล้เวลาแข่งขัน ถนนหนทางใน กทม.ยิ่งโล่ง เพราะทุกคนต่างใจจดใจจ่อกับการเชียร์แมตช์สำคัญในครั้งนี้อย่างมาก

เช่นเดียวกับที่โรงเรียนสอนแบดมินตัน บ้านทองหยอด เขตบางแค กทม.มีการตั้งจอขนาดใหญ่ที่โรงยิม เพื่อให้เหล่านักเรียนของโรงเรียนบ้านทองหยอด ผู้ปกครองและประชาชน มาร่วมเชียร์วิว-กุลวุฒิ ชิงเหรียญทองโอลิมปิก 2024 โดยนางกมลา ทองกร หรือ “แม่ปุก” ผู้ก่อตั้งโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด นำทีมเชียร์ตั้งแต่เวลา 19.30 น. ซึ่งมีผู้คนจากละแวกใกล้เคียงและรุ่นน้องที่เรียนแบดมินตัน บ้านทองหยอด เข้ามานั่งรอเชียร์วิว-กุลวุฒิ ที่เป็นนักเรียนของที่นี่อย่างล้นหลาม ทั้งร่วมโบกธงชาติไทย และส่งเสียงเชียร์รุ่นพี่ที่ถือเป็นไอดอลของตัวเองให้สู้ๆ เสียงดังลั่นสนาม

ขณะที่บรรยากาศในสนามแข่งมีกองเชียร์จากทั้งไทยและเดนมาร์กเข้ามาส่งเสียงเชียร์นักกีฬาของตนเองจนแน่นสนาม จากนั้นเวลาประมาณ 20.50 น. วิว-กุลวุฒิและวิคเตอร์ แอ็กเซลเซน เดินเข้ามาในสนาม ท่ามกลางเสียงเชียร์จากกองเชียร์ทั้งสองฝั่ง โดยทั้งคู่เริ่มวอร์มร่างกาย ซ้อมการตีหน้าเนต ก่อนที่จะเริ่มเกมแรกที่แอ็กเซลเซนเสิร์ฟก่อน แต่แอ็กเซลเซนตีออกหลังเอง ทำให้แต้มแรกเป็นของวิว-กุลวุฒิ ก่อนที่แอ็กเซลเซนจะตามตีเสมอเป็น 1-1 ได้ในเวลาไม่นาน และหลังตีโยกกันอย่างสูสี กุลวุฒิ ก็ทำแต้มนำได้ก่อนเป็น 2-1 แต่แอ็กเซลเซนก็ตีตามเสมอได้เป็น 2-2 ในเวลาไม่นาน จากนั้นทั้งคู่ฟาดแร็กกันไม่ยั้งใส่ทั้งลูกโยก ลูกตบ ลูกหยอด ผลัดกันเบรกเกมและทำคะแนนสูสีให้คนดูได้ลุ้นกันทุกวินาที แต่ด้วยการทำเกมที่เก๋ากว่า ทำให้นักตบลูกขนไก่จากเดนมาร์กทำคะแนนนำไปได้เกือบครึ่งหลังฟาดแร็กกันไปได้กว่า 10 นาที แต่วิว-กุลวุฒิก็พยายามแก้เกมทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาได้ ก่อนที่จะจบเกมแรกที่แอ็กเซลเซนชนะไปด้วยสกอร์ 21-11

จากนั้นเกม 2 แอ็กเซลเซน ยังเฉียบคม และเหนียวแน่น โยนให้เล่นลูกหลังตลอด ส่วน วิว-กุลวุฒิ ยังแก้เกมไม่ได้ ถูกปิดเกมหน้าเนตไว้หมด สุดท้ายต้านไม่ไหว พ่ายไปอีก 11-21 คะแนน สรุปผลการแข่งขัน กุลวุฒิ แพ้ 0-2 เกม 11-21, 11-21 คะแนน หนุ่มไทย ได้เหรียญเงิน ส่วนแอ็กเซลเซน คว้าเหรียญทองได้สำเร็จ ด้านคู่ชิงเหรียญทองแดง หลี่ ซีเจี๋ย มือ 7 ของโลกจากมาเลเซีย เอาชนะลัคยาห์ เซน มือ 22 ของโลกจากอินเดีย ไป 2-1 เกม 13-21, 21-16, 21-11 คะแนน

อย่างไรก็ตาม การคว้าเหรียญเงินของกุลวุฒิ ถือเป็นเหรียญประวัติศาสตร์ของแบดมินตัน และนับเป็นกีฬาชนิดที่ 4 ของไทย ที่ทำได้ตั้งแต่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกต่อจากมวยสากล ยกน้ำหนัก และเทควันโด โดยกุลวุฒิ พร้อมด้วย นักตบลูกขนไก่ไทย รวมถึงนักกีฬากรีฑาและยิงปืน จะเดินทางกลับประเทศไทยถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 7 สิงหาคม 2567 ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 931 เวลา 05.55 น.

สำหรับ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ที่ได้เหรียญเงิน แบดมินตัน ประเภทชายเดี่ยว จะได้รับเงินอัดฉีดปลอบใจ ในเบื้องต้น 9.6 ล้านบาท โดยมาจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย 7.2 ล้านบาท และเงินเดือนจากคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ เดือนละ 1 หมื่นบาท เป็นเวลา 20 ปี เป็นเงิน 2.4 ล้านบาท

สำหรับเงินอัดฉีดที่วิว-กุลวุฒิ จะได้รับในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่กรมชลประทาน เมื่อช่วงสายวันที่ 5 ส.ค. ถึงการอัดฉีดเงินรางวัลในส่วนของรัฐบาล เพราะ สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยได้อัดฉีดแบบ ไม่จำกัดวงเงิน โดยนายกฯยิ้มก่อนจะกล่าวว่า เป็นเรื่อง ของสมาคมฯ แต่สำหรับของตนเองหากได้เหรียญทอง และเป็นเหรียญแบดมินตันเหรียญแรก คิดว่าจะมีการ พูดคุยกับเอกชนบางรายในการอัดฉีดเงินรางวัล

ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ในฐานะผู้บังคับบัญชาของวิว-กุลวุฒิ ที่ขณะนี้ติดยศ ส.ต.ท. ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ฝอ.บก.ป. กล่าวว่า ข้าราชการตำรวจทั่วประเทศร่วมส่งกำลังใจให้กับ ส.ต.ท.กุลวุฒิ วิทิตศานต์ หรือวิว โดยหาก “วิว” ชนะ และคว้าเหรียญทองจากโอลิมปิกเกมส์ให้เป็นเหรียญแรกของประเทศไทยในกีฬาแบดมินตัน ก็จะมอบหมายสำนักงานกำลังพล ตรวจสอบการดูแลสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับ ส.ต.ท.กุลวุฒิ และนักกีฬาตำรวจทุกคน ที่เป็นตัวแทนทีมชาติไทยเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และสร้างความสุขให้กับคนไทยทุกคน

ด้านคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือไอโอซีเมมเบอร์ รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคม กีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า เพื่อเป็น อีกหนึ่งกำลังใจในการลงสนามรอบชิงชนะเลิศ แบดมินตัน ชายเดี่ยว กีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 ของ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ คุณหญิงปัทมาพร้อมที่จะมอบเงินรางวัลให้ 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินส่วนตัวเป็นคนละส่วนกับเงินรางวัลของภาครัฐ หากกุลวุฒิคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ

“วิวทำผลงานได้อย่างสุดยอดเกินกว่าเป้าหมายอย่างยอดเยี่ยมแล้ว ดังนั้น การลงสนามในรอบชิงชนะเลิศวันนี้ วิวจะเล่นด้วยความสบายใจ ความสุข วิวไม่มีความกดดันใดๆ” คุณหญิงปัทมากล่าว

ส่วนหลักเกณฑ์เงินรางวัลของรัฐบาล โดยกองทุน พัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ที่จะมอบให้นักกีฬาทีมชาติไทย ที่ได้เหรียญรางวัลในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ รูปแบบแรก เหรียญทองได้รับ 12 ล้านบาท, เหรียญเงิน 7.2 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 4.8 ล้านบาท (จ่ายเป็นเงินก้อนอัตราร้อยละ 50 ส่วนอีกร้อยละ 50 แบ่งจ่ายเป็นรายเดือนในระยะเวลา 4 ปี) และรูปแบบที่ 2 จ่ายเป็นเงินก้อนทั้งหมดในครั้งเดียว เหรียญทองได้รับ 10 ล้านบาท, เหรียญเงิน 6 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 4 ล้านบาท ซึ่งนักกีฬามีสิทธิ์เลือกรับในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

ขณะเดียวกัน ยังได้รับเงินเดือนจากคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯเป็นระยะเวลา 20 ปี โดยเหรียญทอง จะได้รับเงินเดือนในอัตราเดือนละ 12,000 บาท เหรียญเงิน เดือนละ 10,000 บาท และเหรียญทองแดง เดือนละ 8,000 บาท โดย นักกีฬาจะได้รับเงินเดือนดังกล่าวทันที ในเดือนถัดไป หลังจากที่คว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์มาครองได้สำเร็จ

สำหรับ “วิว” ส.ต.ท.กุลวุฒิ วิทิตศานต์ เกิดเมื่อ วันที่ 11 พฤษภาคม 2544 ปัจจุบันอายุ 23 ปี สังกัด ทีมแบดมินตันบ้านทองหยอด ส่วนสูง 180 เซนติเมตร เป็นบุตรของนายณัฐวัชร และนางนัฎกนก วิทิตศานต์ มีน้องสาว 1 คน คือ สรัลรักษ์ วิทิตศานต์ ซึ่งเป็นนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติเช่นกัน โดยกุลวุฒิศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนปิยะพงษ์วิทยา ปัจจุบันศึกษาต่อในแบบการศึกษานอกโรงเรียน

กุลวุฒิที่มีทีมฟุตบอลในดวงใจอย่างลิเวอร์พูล เริ่มเล่นแบดมินตัน เมื่ออายุ 7 ขวบ เนื่องจากต้องตาม คุณพ่อ ซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนแบดมินตันไปที่สนาม ในช่วงต้นเล่นแบดมินตันเพื่อความสนุกสนาน และด้วย ความที่เป็นโรคภูมิแพ้อากาศ จึงเล่นกีฬาเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ต่อมาเริ่มทำการฝึกซ้อมอย่าง จริงจัง เพื่อลงแข่งขันระดับยุวชนและเยาวชนในสังกัด ชมรมแบดมินตันเสนานิคม ภายใต้การดูแลของไตรรงค์ ลิ่มสกุล และเมตไตรย์ อมาตยกุล จากนั้นเมื่ออายุ 13 ปี ได้ย้ายเข้าร่วมกับโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด

ส่วนผลงานกุลวุฒิ คว้าแชมป์ระดับเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย รุ่นอายุต่ำกว่า 14 ปี และฟอร์มยังพัฒนาต่อเนื่อง สามารถทำผลงานในระดับเยาวชนนานาชาติ อายุต่ำกว่า 19 ปี คว้าแชมป์เยาวชนชิงแชมป์โลก 2017 ด้วยวัยเพียง 16 ปี 5 เดือน นับเป็นแชมป์เยาวชนโลก ประเภทชายเดี่ยว คนแรกของประเทศไทย จากนั้นป้องกันแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จเมื่อปี 2018 และ 2019 รวมได้แชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน ต่อมาคว้าแชมป์เยาวชนชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย เมื่อปี 2019 จากประเภทชายเดี่ยว และทีมผสม ส่วนผลงานในศึกกีฬาซีเกมส์ 2022 ประเทศเวียดนาม คว้าเหรียญทองประเภทชายเดี่ยวกับประเภททีมชาย มาครอง

ขณะที่ในระดับอาชีพ กุลวุฒิคว้ารองแชมป์สเปน มาสเตอร์ 2020, สวิส โอเพ่น 2021, เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์ 2021 และชิงแชมป์โลก 2022 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยทั้งหมดเป็นการพ่ายแพ้ให้กับ วิคเตอร์ อเซลเซน จากเดนมาร์ก อย่างไรก็ตาม นักแบดมินตันหนุ่มไทยมาประสบความสำเร็จคว้าแชมป์เยอรมัน โอเพ่น 2022, อินเดีย โอเพ่น 2023, ไทยแลนด์ โอเพ่น 2023 และล่าสุดแชมป์โลก 2023 ส่วน “ปารีสเกมส์ 2024” เป็นโอลิมปิกครั้งแรกของเจ้าตัว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *