แซม ยุรนันท์ แจงแค่คนพัฒนาสินค้า ไม่เกี่ยวการขาย ไม่เสียใจถูกมองหลอกลวง (คลิป)

Author:

ยังเป็นประเด็นร้อนที่โลกออนไลน์ให้ความสนใจ สำหรับธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ของบริษัทดัง นำโดยผู้บริหารอย่าง บอสพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล รวมไปถึงดาราดังที่มีชื่อเป็นบอสในธุรกิจนี้หลายคน โดยมี แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี มีชื่อในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์

แต่ก็เกิดกระแสดราม่ากล่าวหาว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจขายตรง แชร์ลูกโซ่ ถูกมองว่าหลอกให้คนซื้อสินค้าตุนไว้ สุดท้ายขายไม่ได้ ทำให้หลายคนหมดตัว บ้างก็คิดสั้น ล่าสุด แซม ยุรนันท์ ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนที่มาทำข่าว ณ เบเนดิกต์ สตูดิโอ

อยากชี้แจงยังไงบ้าง?

“จริงๆ ไม่ได้มาชี้แจงแถลงอะไร วันนี้มีคนถามพี่เยอะเลยดีกว่า ก็ตอบไม่ไหวเหมือนกัน ถ้าไม่ตอบเลยเดี๋ยวก็ไปกันใหญ่นะครับ พี่ไม่สามารถตอบแทนในนามดิไอคอนได้ เราเพิ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่ถึงปี เจตนาที่เข้ามาอยู่เพราะว่ากับคุณพอลที่เรียนหลักสูตรเดียวกัน แล้วพี่เป็นประธานรุ่น คุณพอลก็อยู่กลุ่มเดียวกับพี่ ทำกิจกรรมด้วยกันบ่อย

แล้วมีไปเยี่ยมธุรกิจของแต่ละคน ก็ไปเยี่ยมธุรกิจของดิไอคอนเช่นกัน ก็เกิดความว้าวเพราะขายของออนไลน์ที่มีระบบชัดเจน มีเชิญไปงาน โปรโมตคนประสบความสำเร็จ ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ แล้วในเวลาเดียวกันพอลก็ไปเยี่ยมธุรกิจพี่ที่ทำโรงพยาบาล คลินิก

หลังจากนั้นก็มีโอกาสพูดคุยว่าดิไอคอนมีความคิดผลิตสินค้าออกสู่ตลาดโลก เพราะเขามีตัวแทนขายในประเทศไทยจำนวนมาก น่าจะหลายหมื่นคน และเขามีตัวแทนระดับนานาชาติหลายประเทศ เป็นการดีมากที่พี่แซมจะนำองค์ความรู้มาพัฒนาสินค้ามีมาตรฐานสากล ซึ่งพี่เรียนด้านนี้มา รู้ว่าเทรนด์ของโลกเป็นยังไง พี่ก็เห็นว่ามันแมตช์กันได้ดีนะ ก็ถามว่าสามารถทำงานแบบไหนได้บ้าง เขาบอกให้พี่มาช่วยผมดูเรื่องสินค้าดีกว่า ให้สินค้าเติบโตในระดับนานาชาติ

เขาก็เลยชวนเข้าไปอยู่ เรื่องตำแหน่งเนี่ยเป็นการให้เกียรติมากกว่า เพราะเข้าไปแล้วจะไปบอกใครว่าพี่แซมเข้ามาทำอะไร เหมือนเราเป็นผู้ใหญ่ในบริษัท เขาก็บอกงั้นพี่แซมตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ มันก็มีตำแหน่งให้เหมือนคนมีตำแหน่ง แต่ตำแหน่งนี้ให้หน้าที่มา แต่ไม่ได้ให้อำนาจมาตัดสินใจมาด้วย มันเป็นระบบบริษัท

แรกๆ พี่ไม่ชิน เพราะเราไม่เคยเป็นลูกจ้างใคร เราก็อยู่ในเซฟโซนของเรา แต่พอทำมันก็สนุก ได้แชร์ประสบการณ์สินค้า มันได้สินค้าอย่างที่เราอยากได้ พี่ได้รับมอบหมายเรื่องสินค้า เวลามีการประชุมเกี่ยวกับสินค้า พี่ต้องเข้าไปรับฟังด้วย แต่ทั้งหมดก็เป็นที่ปรึกษามากกว่า คนที่จะเคาะ yes หรือ no มีคนเดียว และหน้าที่ประจำทุกวันอาทิตย์คือมีคลาสสินค้า ห้องพี่คือห้องสินค้า แต่พี่จะพูดเสมอว่าพี่ให้ข้อมูล ส่วนการดำเนินธุรกิจต่อไปเป็นเรื่องส่วนบุคคล

ส่วนในแต่ละเดือนจะมีงานมอบรางวัลผู้ได้รับรางวัลเดือนนั้น บรรยากาศก็จะเห็นคนที่มีความหวัง มีความสุข คนที่ประสบความสำเร็จก็ภูมิใจในสิ่งที่เป็น พี่ก็รู้สึกตัวใหญ่ไปด้วย เขามาขอบคุณที่ให้โอกาสที่ดี ทำให้เขาเติบโต

แต่พี่เพิ่งมาเห็นข่าวเมื่อ 2-3 วันมานี้ว่ามันมีมุมนึงด้วยเหรอ เราเห็นข่าวก็ช็อก เพราะข้อมูลมุมนี้เราไม่เคยเห็นจากไหน เพราะสิ่งที่เจอเวลาเข้าบริษัทก็เห็นแต่เรื่องดีๆ แล้วเราไม่มีโอกาสรู้ว่าเรื่องไม่ดีเหล่านั้น เราจะรู้จากตรงไหน แต่เราเห็นคนตกทุกข์ได้ยากก็เป็นห่วง ก็เพิ่งรู้ว่าคนซื้อของจำนวนมากแล้วขายไม่ได้เลย บางคนถึงขนาดล้มละลาย ฆ่าตัวตายเลยเหรอ

ตอนแรกก็คิดว่าเรื่องจริงเหรอ ก็ตกใจ แปลกใจ อย่างคนที่ขายดีมันก็มีการส่งเสริมกัน คนขายไม่ได้ก็ไม่ได้หมดเลยเหรอ เราเข้าใจว่าคนที่ซื้อของไปขาย 100 คน ทุกคนจะขายดีหมดมันก็เป็นไปไม่ได้ เหมือนเวลาเรียนก็มีคนที่สอบได้ สอบตก แต่ถ้าวันนึงมีคนสอบตกเยอะขึ้นเรื่อยๆ ครูก็ต้องคิดเหมือนกันว่ามีอะไรผิดปกติไหม ทำไมเขาตกเยอะขึ้น มันมีปัญหาอะไร บริษัทก็ต้องเอากลับไปศึกษาว่ามีคนขายไม่ได้มีปัญหาอะไร ในเวลาเดียวกันบริษัทเรียนรู้ว่าคนที่ขายไม่ได้เพราะอะไร ต้องหาหนทางในการช่วย

แล้วคนขายไม่ได้ทั้งหมด ซื้อไปจำนวนเยอะๆ มันต้องมีอะไรบางอย่าง ทำไมต้องซื้อเยอะขนาดนั้น หรือมีปัจจัยอะไรที่ทำให้เขาซื้อเยอะ อันนี้พี่ไม่รู้จริงๆ พี่ก็อยากรู้ การที่พูดกันไปมาหรือดราม่ามันไม่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเลย

สำหรับคนที่เดือดร้อนจริงๆ ถ้าเราลงไปกระหน่ำกันแบบนั้น หนทางแก้ไขมันอาจจะไม่เกิด แต่พี่จะปัดความรับผิดชอบแบบนั้นว่าพี่ไม่เกี่ยวก็ไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะพี่ไปอยู่แผนกสินค้าก็จริง คนก็อาจซื้อไปใช้เพราะเชื่อพี่ มั่นใจสินค้าดี แต่ความรับผิดชอบของพี่มันไปถึงไหนล่ะ พี่ว่า ณ ตอนนี้เรื่องผิดถูกอีกเรื่อง แต่คนที่เดือดร้อนจนไม่มีจะกิน เขามีปัญหามากมาย อันนี้พี่ว่าต้องเข้าไปช่วยเหลือเยียวยา

พี่ก็ตอบแทนบริษัทไม่ได้ แต่พี่ก็โยนสิ่งเหล่านี้เหมือนกัน เหมือนเขาก็ตอบรับในทางที่ดี เขาเองก็ไม่รู้ทั้งหมดว่ามีคนฆ่าตัวตาย พี่เพิ่งมาไม่ถึงปี พี่ก็รับรู้ในส่วนของพี่ แต่เรื่องบริษัทพี่รู้ประมาณนึง”

ตอนนี้คนมองเป็นธุรกิจหลอกลวง?

“พี่ก็อยากรู้ว่ามันหลอกลวงยังไง พี่ไม่เคยคุยกับผู้เสียหายโดยตรง ไม่เคยมีใครสะท้อนมาที่พี่ ก่อนที่พี่จะไปอยู่บริษัทไหน พี่เป็นคนระวังตัวมาก การที่รับพรีเซ็นเตอร์อะไรสักชิ้น พี่คิดแล้วคิดอีกว่าพี่เหมาะกับสินค้าหรือเปล่า ได้ใช้จริงไหม ผ่าน อย. หรือเปล่า เช่นเดียวกับที่พี่มาอยู่ดิไอคอน พี่เอ็กซ์เรย์ว่าบริษัทนี้คือบริษัทอะไร ทำงานประเภทไหน จดทะเบียนถูกต้องหรือเปล่า มีใครถือหุ้น พี่ว่าพี่ดูละเอียดมากพอสมควร ทำธุรกิจประเภทไหน แชร์ลูกโซ่หรือเปล่า พี่ไล่ดูหมดเลยนะ

ถ้าแชร์ลูกโซ่ก็ไม่มีการซื้อสินค้าหรือบริการอะไรเลย มันลอยๆ ส่วนนึงพี่เข้ามาอยู่เพราะพี่อยากรู้ว่าออนไลน์คืออะไร พี่ก็ได้เรียนรู้ตรงนี้เหมือนกัน ถ้าสมมติข้อกล่าวหาว่าเขาหลอกลวง ก็ต้องหาให้เจอว่าใครไปหลอกลวงเขา หลอกลวงยังไง จนคนต้องซื้อเป็นแสนๆ หมดตัว พี่ว่าก็ต้องหาให้เจอ ไม่งั้นมันก็จะเป็นเพียงข้อกล่าวหา เอาผิดใครไม่ได้ ซึ่งถ้าผิดจริง พี่ก็ไม่เข้าข้างคนผิดนะ พี่ก็บอกเขาตรงๆ”

ได้คุยกับคุณพอลไหม?

“ได้คุยๆ ตอนแรกเขาก็บอกว่าจะเป็นคนแถลงข่าว พี่ก็ดีใจเพราะคิดว่ามันควรต้องแถลงข่าว ซึ่งพี่ก็เคารพการตัดสินใจ พี่มีหน้าที่แสดงความเห็นไปว่าถ้าเป็นพี่ พี่จะทำแบบนี้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพี่ถึงต้องพูด ทั้งๆ ที่พูดแทนอะไรไม่ได้ แต่พี่บริสุทธิ์ใจในการพูด สิ่งที่พูดถ้าเป็นประโยชน์กับใครได้ โดยเฉพาะวันนี้ถ้าได้คุยกันจริงๆ พี่ว่ามันจะเป็นประโยชน์กับอีกหลายๆ ฝ่าย”

เขาชี้แจงกับเรายังไงบ้าง?

“พี่ไม่ได้ประสงค์ให้เขาชี้แจงกับพี่ พี่แค่ถามว่าเอาจริงๆ ทำอะไรผิดโดยที่พี่ไม่รู้หรือเปล่า เขาก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด อยู่ในพื้นฐานการทำงานว่าสินค้าต้องดี ราคาต้องเป็นธรรม การตลาดต้องดี รับผิดชอบสังคม

ตอนนี้ผิดถูกอีกเรื่องนึงค่อยว่ากัน แต่การเยียวยาคนเดือดร้อน พี่ว่าต้องจัดการเรื่องตรงนั้นก่อน ส่วนเรื่องหลังจากนั้นเขาจะทำธุรกิจกันต่อหรือเปล่า ก็มาช่วยกันว่าสนับสนุนให้เขาเกิดการค้าขายที่ดียังไง เอาคนที่ขายเก่งช่วยไหม อันนี้พี่แค่เสนอไอเดีย เพราะพี่เป็นคนที่เคาะไม่ได้อยู่ดี แต่พี่คิดว่ามันมีทางออกร่วมกัน แล้วทางออกเหล่านี้มันจะตอบกับผู้คนอีกมากมายที่สนใจการทำระบบตัวแทน ถ้ามีคนขายมากกว่าคนซื้อ มันจะอยู่ยังไง

ตอนนี้คนขายเยอะจริงๆ ในระหว่างที่กำลังซื้อมันน้อยลงอยู่แล้ว เพราะคนซื้อเป็นคนขายเยอะขึ้น ด้วยเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนไป เจอภัยธรรมชาติอีก การซื้อถดถอย แล้วคนที่ตุนสินค้าเป็นปีก็เดือดร้อน แล้วการรองรับตรงนี้คืออะไร ถ้าคิดแทนประชาชนก็คือคืนได้มั้ย พี่ก็อยากให้คืน แต่พี่พูดแทนบริษัทไม่ได้ เพราะการคืนมีปัจจัยอื่นมากมาย แต่พี่อยากให้จบด้วยดีด้วยการพูดคุย”

เรื่องวิจัยผลิตภัณฑ์เราไปร่วมวิจัยด้วยไหม?

“คือพี่เพิ่งเข้ามาปลายปีที่แล้ว อย่างอันแรกที่เข้ามาก็ยืนยันว่ามี อย.ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนก่อนหน้านี้พี่ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น แต่ตั้งแต่อยู่ตรงนี้พี่มั่นใจว่าสินค้าที่พี่เห็นมันถูกต้องตามกฎหมายทุกข้อ ผลของการมีปัญหาวันนี้มันไม่ได้พูดถึงสินค้าไม่มีคุณภาพ เราพูดแค่ว่ามันขายของไม่ได้”

จะให้ผู้เสียหายพูดคุยเพื่อหาแนวทางร่วมกันไหม?

“พี่ก็เสนอที่บริษัทไปนะครับ แต่ถ้ามาพูดกับพี่วันนี้ พี่ได้รับฟังเฉยๆ ไม่สามารถทำ 1 2 3 4 ได้ แต่พี่มีทุกวันนี้ได้เพราะประชาชน ถ้าเขาเดือดร้อน มันเป็นความรู้สึกสำนึกของพี่อยู่แล้ว ถ้าเราช่วยได้ส่วนตัวเรื่องอะไรว่ามาเลยไม่มีปัญหา แต่ช่วยเรื่องพูดกับบริษัทต่อเนี่ย พี่ให้ความเห็นอย่างนี้ได้ แต่เขาจะเลือกทำอะไร พี่ไม่สามารถตอบได้ คือพี่รับฟังได้นะครับ แต่จะถ่ายทอดต่อแล้วได้รับผลลัพธ์ยังไง พี่รับปากไม่ได้นะครับ”

แล้วคุณพอลมีการเยียวยาปัญหานี้ยังไงบ้าง?

“เขายังไม่เล่าถึงวิธี แต่ที่พี่เห็นเมื่อวานนี้ คือเขารู้สึกเสียใจ เขาไม่คิดว่าเรื่องจะไปถึงเบอร์นี้ ไม่รู้ที่ผ่านมาคืออะไร แต่วันนี้เขารู้สึกว่าให้เขาทำอะไรว่ามา ซึ่งความรู้สึกที่บอกว่าให้ทำอะไรว่ามาเป็นเรื่องที่ดีนะ หลังจากนั้นขั้นตอน 1 2 3 4 น่าจะวิเคราะห์มาเป็นแผนว่าทำอะไร

ซึ่งตรงนี้เขายังไม่เล่าให้พี่ฟัง เราไม่ได้วิสาสะคุยกันมากขนาดนั้น แต่พี่ว่าสิ่งที่พี่เจอและคุยกับเขา เขาทำธุรกิจเพื่อให้โอกาสคน คนไหนที่ไปไม่ถึงและล้มเหลวก็มาพูดคุยกัน มันน่าจะหาทางออกที่ดี ส่วนเรื่องที่บอกว่าบริษัทคดโกง อันนั้นเป็นข้อกล่าวหาที่ต้องว่ากันต่อไป”

แสดงว่าเขาไม่รู้ว่ามีตัวแทนบางคนที่ตัดสินใจคิดสั้นเพราะขายของไม่ได้?

“ยืนยันว่าไม่มีใครรู้และตกใจกับเรื่องนี้นะครับ แต่เรื่องขายของไม่ได้ พี่เชื่อว่าระบบธุรกิจนี้มันคงมีทุกที่ที่มีคนขายเก่งกับขายไม่ได้ แต่ถึงขนาดขายไม่ได้ทั้งหมดจนบ้านถูกยึด พี่ว่าอันนี้เป็นแมสเซจใหม่ มันมีตัวตนคนเหล่านั้นจริงๆ ใช่มั้ย มันอยู่ในโลกออนไลน์ เราไม่เจอบุคคลนั้น บางคนบอกว่าพี่กลัว พี่ไม่ได้กลัวเพราะพี่ไม่ได้ทำอะไรผิดหรือหลอกใคร พี่ไม่มีส่วนได้เสียจากการไปปิดยอด พี่ได้ผลตอบแทนในส่วนของพี่เท่านั้น”

สถานะตอนนี้คือแค่พรีเซ็นเตอร์เท่านั้น หรือหุ้นส่วน?

“ไม่ได้เป็นทั้งสองอย่าง โดยตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ พี่มีหน้าที่ดูแลเรื่องออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ถามว่ามีสิทธิ์ในการกำหนดทิศทางบริษัทมั้ย ไม่มีเลยครับ ถามว่าได้รายได้จากบริษัทนี้ยังไงบ้าง สินค้าตัวไหนที่เราช่วยดูแล เราจะได้ประโยชน์จากยอดขายสินค้านั้นๆ ที่ดูแล แต่ไม่ใช่ยอดปิดดีลเลอร์ จะไม่เกี่ยวกับเรา

ความแฟร์ของบริษัทนี้เขาจะโชว์ให้เราเห็นว่าเดือนนี้สินค้าตัวไหนขายได้กี่ชิ้น ผลประโยชน์ที่เราจะได้รับ เขาก็จะบอกมาเลย มันไม่ได้เยอะขนาดที่คนบอกว่าไปร่ำรวยจากตรงนั้น ก่อนที่มาอยู่กับดิไอคอน รายได้พี่เยอะกว่านี้อีก (หัวเราะ) และไม่มีหุ้นกับบริษัทนี้แม้แต่หุ้นเดียวครับ ต้องบอกว่าบริษัทนี้มีกรรมการคนเดียวตั้งแต่แรก ไม่มีหุ้นส่วนเลยครับ”

รายได้ที่ได้จากบริษัทนี้ประมาณเท่าไร?

“พี่ไม่คุยตัวเลขดีกว่า เพราะแต่ละเดือนไม่เท่ากัน แต่มันไม่ได้เป็นตัวเลขที่คนคาดคะเน มันไม่ได้เยอะขนาดนั้นเพราะว่าปีที่พี่เข้ามาอยู่สินค้ามันไม่ได้ขายดีขนาดนั้น ถามว่าถึง 10 ล้านมั้ยไม่ถึงครับ”

สรุปว่าไม่ใช่พรีเซ็นเตอร์?

“ถ้าตามสัญญา พี่เป็นผู้อำนวยการ เขาก็บอกว่าหน้าที่ของพี่ทำอะไร (แสดงว่าอยู่ในโครงสร้างของบริษัทใช่ไหม?) ไม่อยู่ครับ พี่ถึงพยายามบอกว่าโครงสร้างของบริษัทมีคนเดียวที่ตัดสินใจ มันไม่มี organizational chart มันผ่านการตัดสินใจของคนเดียว ถ้าบอกว่าเป็นตำแหน่งที่เป็นโครงสร้างของบริษัท มันต้องมีการเซย์ yes หรือ no ได้”

พอมีตำแหน่งที่ออกไป และคนเรียกว่าบอสแซม คนก็มองว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทดิไอคอน?

“คนก็เรียกบอสหมด เราก็บอสก็บอส แต่มันไม่ได้หมายความว่าบอสคือตำแหน่ง เอาเป็นว่าพี่ผ่านหลายบริษัทนะ เราเห็นโครงสร้างบริษัท แต่ที่นี่ไม่มีแบบนั้นไง”

มิน พีชญา ได้ปรึกษาเราไหม?

“ก็มีน้องมินที่ตกใจ ถึงกรุงเทพฯ วันนี้วันแรก ก็บอกพี่แซม มันยังไงคะเนี่ย หนูโดนด่าไปถึงตระกูลหนู ตระกูลหนูก็ทำธุรกิจมา 30 ปี จริงๆ พี่อยู่มาป่านนี้ พี่เป็นคนระวังตัวเองมากอยู่แล้ว แต่วันนี้ที่ออกมาสัมภาษณ์ก็ไม่อยากเป็นจำเลยใคร แต่พี่ไม่ได้ไปไหน ใครอยากได้ข้อมูลอะไรมาหาพี่ การที่เงียบไปมันจะดูว่าเราทำอะไรผิดหรือเปล่า พี่ก็ออกมาพูด

แต่ถ้าพูดแทนดิไอคอนพี่ก็พูดไม่ได้ พี่ก็ไม่รู้เรื่องจริงๆ การเข้าไป 3-4 เดือนแรกก็งงๆ เหมือนกันเพราะไม่ชิน พี่ยังแอบพูดเลยว่าหมดสัญญาแล้วพี่อาจไม่ได้ไปต่อ ไม่ใช่มีเหตุแบบนี้แล้วค่อยพูด เพราะพี่เป็นเจ้านายตัวเองมาตลอด พี่มีสิทธิ์ในการทำอะไรเอง พี่รับผิดชอบในการตัดสินใจของพี่ วันนี้เราเข้ามาเราไม่ได้เป็นเจ้านาย แต่ข้อดีมันก็คือเซฟตัวเอง แต่ข้อไม่ดีคือขาดมุมในการครีเอตอะไรสักอย่าง อาจไม่ใช่ทางของเรา”

ถ้าตำรวจจะเรียกไปสอบปากคำ?

“เรียกว่าไปให้ข้อมูลดีกว่าครับ พี่ไม่ใช่จำเลยที่เรียกไปสอบปากคำ ถ้าพี่ไปให้ช้อมูลที่เป็นประโยชน์พี่ยินดีนะครับ”

เสียใจมั้ยที่คนมองว่าเป็นธุรกิจหลอกลวง และมีเราอยู่ในรายชื่อ?

“พี่ไม่ได้เสียใจอะไรนะครับ คนมีโอกาสพูดแบบนั้นได้เพราะเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอเขาไม่รู้ การจินตนาการไปต่างๆ โดยเฉพาะมีการลวงคนทำอะไรเยอะไปหมด แต่ถ้ารู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง หลังจากนั้นจะตัดสินด้วยสังคมยังไง เรื่องกฎหมายถ้ามองว่าผิดด้านไหน หรือให้พี่ไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม ไม่มีปัญหาเลย ไม่อย่างนั้นจะมีนักข่าวมาแบบนี้เหรอ เราพูดกี่ครั้งก็จะเป็นข้อมูลแบบนี้ เพราะเรื่องมันเป็นแบบนี้ ตอนนี้ยังไม่มีใครติดต่อมาครับ”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *