ยันเป็นผู้ต้องหา บอสพอล กับเหล่าดาราดัง รอมีหลักฐานแจ้งเอาผิด ‘กันต์’ โผล่ให้การตามนัด (คลิป)

Author:

“บอสกันต์” ควงทนายเข้าให้การตำรวจ ปคบ.เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยันนำข้อมูลที่รวบรวมไว้มามอบให้เรียบร้อย พร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง ต้องขอโทษผู้เสียหายจากใจจริง รอง ผบช.ก.แจง สอบสวน “บอสพอล” และดารารวม 6 คนในฐานะผู้ต้องหา แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อหาเพราะอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน แบะท่าตัวเลขผู้เสียหายใกล้เข้าเกณฑ์โอนคดีให้ ดีเอสไอแล้ว ยันถึงเปลี่ยนมือไม่กระทบคดี “บิ๊กต่าย” กำชับเร่งรวบรวมหลักฐานทุกมิติ ประสาน ปปง.ตรวจสอบทรัพย์สินผู้เสียหาย เหยื่อพุ่ง 630 คน เสียหายกว่า 228 ล้านบาท กำลังสอบตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมของดิ ไอคอน กรุ๊ป ต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย สบส.ตรวจสอบแล้ว “บอสหมอเอก” ไม่ได้เป็นหมอ เตรียมดำเนินคดีทั้งข้อหาหมอเถื่อนและสถานพยาบาลเถื่อน “จิราพร สินธุไพร” รมต.ประจำสำนักนายกฯ ลั่น ตรวจสอบส่วย สคบ. สั่งตั้งคณะตรวจสอบ 15 ต.ค.นี้ เอาคนนอกมาร่วมด้วยเพื่อความโปร่งใส กำชับ สคบ.ต้องทำงานเชิงรุกพิจารณาแก้กฎหมายที่ล้าสมัย ตามมิจฉาชีพไม่ทันด้วย

กรณีผู้เสียหายแห่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจ บช.ก.ดำเนินคดีกับผู้บริหารบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด (The iCon Group Co., Ltd.) ดำเนินธุรกิจขายสินค้าเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ กล่าวหาหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายมาเป็นสมาชิก โดยไม่ได้ขายสินค้าจริง สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมโปรโมต แต่หลังจากผู้เสียหายตัดสินใจเข้าร่วมกลับเอาเงินไปจม และถูกเกลี้ยกล่อมให้หาเครือข่ายเพิ่มเติมเพื่อให้ได้เงินคืน เบื้องต้นมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้ว 488 ราย ความเสียหาย 178 ล้านบาท แต่ระหว่างคณะทำงานกำลังเร่งรวบรวมหลักฐานยังไม่แล้วเสร็จ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เจ้าของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด นายยุรนันท์ หรือแซม ภมรมนตรี และ น.ส.พีชญา หรือมิน วัฒนามนตรี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังสอบสวนนาน 7 ชม.ตำรวจต้องปล่อยตัวไป เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานพอแจ้งข้อหา

“กันต์” เข้าให้ปากคำตำรวจ

ความคืบหน้าจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวน กลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ต.ค. นายกันต์ กันตถาวร นักแสดงและพิธีกรชื่อดังพร้อมทนายความ เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. เพื่อให้ปากคำแสดงความบริสุทธิ์ใจและชี้แจงข้อเท็จจริง หลังถูกพาดพิงว่าเป็นหุ้นส่วนบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป ที่กำลังถูกกลุ่มผู้เสียหายหลายร้อยคนแจ้งความดำเนินคดีอยู่ในขณะนี้ เพราะเชื่อว่าถูกบริษัทหลอกให้ร่วมลงทุน หลังเดินทางมาถึง นายกันต์รีบเดินเข้าอาคารพิทักษ์สันติ ขึ้นลิฟต์ไปให้ปากคำพนักงานสอบสวนทันที กล่าวสั้นๆเพียงว่า “ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก”

ขอโทษผู้เสียหายจากใจจริง

หลังเสร็จสิ้นการให้ปากคำเวลา 13.30 น. กันต์ กันตถาวร ออกมาเผยว่า วันนี้มาแสดงความบริสุทธิ์ใจ นำข้อมูลที่รวบรวมไว้ทั้งหมดมามอบให้ตำรวจเรียบร้อยแล้ว ยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง ตอนนี้พูดได้เท่านี้จริงๆ เพราะขณะนี้เรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องขอโทษสื่อมวลชนด้วยจริงๆ รวมไปถึงผู้เสียหายตนต้องขอโทษจากใจจริง จากนั้นเดินทางกลับทันที

เหยื่อหอบสินค้าเข้าแจ้งความ

ส่วนบรรยากาศบริเวณชั้น 2 อาคารกองบังคับการ ปราบปราม (บก.ป.) ตั้งแต่ช่วงเช้ายังมีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์จำนวนมาก น.ส.ศิริชาดา ชุ่มดี อายุ 55 ปี อาชีพเสริมสวย หนึ่งในผู้เสียหายคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป นำเอกสารหลักฐาน พร้อมผลิตภัณฑ์ อาหารเสริม อาทิ กาแฟยี่ห้อ Bloom Cocoa Plus จำนวน 8 กล่อง และวิตามินซียี่ห้อ Boom Vitamin C อีก 2 กระปุก เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับคณะพนักงาน สอบสวนด้วย น.ส.ศิริชาดากล่าวว่า เป็นสมาชิกระดับดีลเลอร์ของดิ ไอคอน กรุ๊ป เริ่มลงทุนเมื่อปี 63 มีคน รู้จักเป็นแม่ข่ายชักชวนให้ร่วมลงทุน เพราะอยากมีรายได้เสริมหวังว่าจะรวย ช่วงแรกๆได้กำไรมาประมาณ 60,000 บาท แต่ระยะหลังขายไม่ได้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่สั่งซื้อไปลองกินแค่ครั้งเดียว และต้องการทดลองสินค้าตัวใหม่ ทำให้ไม่สามารถขายได้ รวมความเสียหายในระบบกว่า 3 แสนบาท ยังไม่รวมค่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และค่ายิงแอดโฆษณาวันละ 700 บาท รวมความเสียหายประมาณ 6 แสนบาท

แห่แจ้งความสอบกันถึง 5 ทุ่ม

ต่อมาเวลา 15.30 น. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.ให้สัมภาษณ์ ความคืบหน้าคดีดิ ไอคอน กรุ๊ปว่า วันนี้มีคนเข้าแจ้งความ เพิ่มเติมอีก 240 ราย ยอดรวมผู้เสียหายทั้ง 4 วัน ตอนนี้อยู่ที่ 740 ราย และคาดว่าจะถึง 800 รายในวันนี้ ส่วนความเสียหายรวมกว่า 266 ล้านบาท ปัจจุบันจัดกำลังพนักงานสอบสวนรับเรื่อง 70 นาย ยอมรับเมื่อวานการดำเนินการยังติดขัดอยู่บ้าง สอบผู้เสียหายคนสุดท้ายแล้วเสร็จเวลาประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง ทั้งนี้ ขอนำเรียนว่า สำหรับผู้เสียหายที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความ ไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางมาที่ บช.ก. ที่เดียว สามารถแจ้งความตามโรงพักใกล้เคียงได้จะได้ ไม่เสียเวลา หรือค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น

สอบบอส-ดาราฐานะผู้ต้องหา

พล.ต.ต.โสภณกล่าวว่า ส่วนผู้บริหารดิไอคอน กรุ๊ป และดาราที่เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจเมื่อวาน ประกอบด้วย กรรมการบริหารบริษัท 1 ราย คือ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มดารา ประกอบด้วย แซม-ยุรนันท์ มิน-พีชญา บอสปีเตอร์ และบอสหมอเอก ขณะที่วันนี้มาเพิ่มเติมอีก 1 คน คือ นายกันต์ กันตถาวร รวมเป็น 6 คน พร้อมทั้งแม่ทีมอีก 8 ราย ยอมรับว่าเราสอบปากคำผู้บริหารและเหล่าดาราทั้ง 6 คน ในฐานะผู้ต้องหา ตามที่มีผู้เสียหายแจ้งความกล่าวโทษ ใช้อำนาจตามมาตรา 134 วรรคแรก หลังจากนี้เป็นหน้าที่พนักงานสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมาประมวลเชื่อมโยงกับข้อมูล อื่นๆ และคำให้การของผู้เสียหาย วัตถุพยานต่างๆ เพื่อพิจารณาข้อหาอีกครั้ง เราต้องพิจารณาให้รอบครอบ ทำอย่างตรงไปตรงมา

กำลังพิจารณาแจ้งข้อหาอะไร

ด้าน พล.ต.ต.มนตรี เทศขันธ์ ผบก.ป. กล่าวว่า ตามหลักกฎหมายไทย การจะดำเนินคดีกับใครต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ เมื่อมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ตำรวจต้องแจ้งข้อกล่าวหาให้ทั้ง 6 คน ได้รับทราบว่า มีผู้เสียหายแจ้งข้อกล่าวหาเหล่านี้กับพวกเขา แต่ในส่วนของการพิจารณาข้อหาที่จะดำเนินคดี ขณะนี้ ยังอยู่ในส่วนของการรวบรวมพยานหลักฐาน การจะ พิจารณาข้อหาเราไม่ได้พิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องดูหลายๆอย่างให้รอบครอบรัดกุมทุกมิติ

อยู่ที่พยานหลักฐานที่รวบรวม

“ส่วนเรื่องที่ยังไม่มีการควบคุมตัว เพราะขั้นตอน ในตอนนี้เรายังมีเพียงแค่พยานบุคคล การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงความผิดทางคดี หรือความบริสุทธิ์ได้ รวมถึงยังมีผู้เสียหายทยอยเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมเรื่อยๆ เราต้อง พิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงให้ได้ก่อน ส่วนเรื่องการใช้ อำนาจตามมาตรา 134 จะมีผลกับเงื่อนไขการออกหมายจับหรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน เราต้องมาพิจารณาจากพยานหลักฐานต่างๆก่อน จะพิจารณาว่า จะสามารถออกหมายจับได้หรือไม่” ผบก.ป.กล่าว

ยอดเสียหายใกล้เกณฑ์ดีเอสไอ

พล.ต.ต.โสภณกล่าวต่อว่า ยอมรับว่ายอดมูลค่า เสียหายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้คดีดังกล่าวเข้าใกล้หลักเกณฑ์การเป็นคดีพิเศษ เราประสานข้อมูลร่วมกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอไว้บ้างแล้ว เชื่อว่า แม้จะเปลี่ยนมือแต่ยังต้องทำงานร่วมกันไม่น่ามีผลกระทบต่อคดี ส่วนรายละเอียดคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ จะมีกลุ่มดาราที่เป็นพรีเซนเตอร์ทยอยมาเข้าให้การเพิ่มเติมเรื่อยๆ

เร่งนำหลักฐานมาตรวจสอบ

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้คณะทำงานคดีดิไอคอนกำลังตรวจสอบเอกสารการเงิน เอกสารรายรับ รายจ่าย รวมทั้งยอดการสั่งซื้อสินค้า สต๊อกสินค้า คอมพิวเตอร์ และเซิร์ฟเวอร์ ที่ตรวจยึดมาจากบริษัทในเครือดิ ไอคอน กรุ๊ปทั้งหมดอย่างละเอียด หลังจากเจ้าหน้าที่นำหมายศาลเข้าตรวจค้นทั้ง 9 เป้าหมายเมื่อวานนี้ จากนั้นจะนำมาวิเคราะห์ประกอบ ร่วมกับคำให้การของผู้เสียหาย เพื่อวางแนวทางการ ดำเนินการต่อไป

แจ้งแล้ว 630 คน เสียหาย 228 ล้าน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เผยความคืบหน้าคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เปิดศูนย์รับแจ้งเหตุที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ห้วงวันที่ 10-12 ต.ค. 2567 มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 630 ราย ความเสียหายกว่า 228 ล้านบาท ทางคดีมอบหมายให้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.กำกับดูแล มี พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. ดูแลการสืบสวน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. ดูแลการสอบสวน และ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. เป็นผู้รับผิดชอบหลัก

“บิ๊กต่าย” ยันยังไม่แจ้งข้อหา

ผบ.ตร.กล่าวว่า ความคืบหน้าทางคดีเมื่อวาน ตำรวจสอบสวนกลางเข้าตรวจค้นบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป 9 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ตรวจยึดเอกสารหลักฐานสำคัญมาตรวจสอบจำนวนมาก เป็นประโยชน์ต่อเนื้อหาทางคดี สอบสวนปากคำนายวรัตน์พล หรือ บอสพอล และดารานักแสดง 4 คน ได้แก่ นายยุรนันท์ หรือแซม น.ส.พีชญา หรือมิน นายฐานนท์ หรือหมอเอก และนายกลด หรือปีเตอร์ และสอบสวนปากคำกลุ่มแม่ข่ายไปแล้ว 8 ปาก แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ใด ส่วนนายกันต์พิธีกรชื่อดังอีกรายสอบสวนปากคำวันนี้ อีกทั้งช่วงบ่ายตำรวจสอบสวนกลางจะลงตรวจสอบข้อมูลบริษัทเพิ่มเติม เพื่อหาพยานหลักฐานประกอบสำนวนคดี

ถ้ามีตำรวจร่วมด้วยโดนแน่

“ส่วนกระแสข่าวที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง สั่งให้ตรวจสอบทุกมิติ หากพบว่าเป็นความผิดต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย รวมถึงการดำเนินการทั้งทางวินัยควบคู่กันไปด้วย อย่างไรก็ตามการตรวจสอบต้องมีความเป็นธรรม หากเป็นความผิดชัดเจนต้องดำเนินการ ไม่มีความแตกต่างจากรายอื่น แต่ถ้าข้าราชการตำรวจรายดังกล่าวเป็นเหมือนผู้เสียหายที่อยู่ในห่วงโซ่ของวงจร ต้องให้ความเป็นธรรมกับตำรวจด้วย เพราะอาจมีโค้ชหลายคนที่เข้าร่วมแต่ไม่ได้มีเจตนาในการกระทำผิด หรือรับรู้การกระทำผิดหรือหลอกลวง ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” บิ๊กต่ายกล่าว

ย้ำเหยื่อแจ้งความได้ 3 ทาง

ผบ.ตร.กล่าวว่า พอใจภาพรวมการทำงานเพียง 2-3 วัน หลังจากตั้งศูนย์รับแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระดมพนักงานสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำคดีนี้ เพื่อให้สังคมเชื่อมั่นการทำงานของตำรวจ คดีคืบหน้าไปมาก กำชับการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. โดยเฉพาะมิติของการตรวจสอบและยึดอายัดทรัพย์สิน ต้องประสานการทำงานกับ ปปง.อย่างใกล้ชิด ย้ำเรื่องการอำนวยความสะดวกทางคดีกับผู้เสียหาย พล.ต.ท.อัคราเดชวิทยุสั่งการลงไปแล้วให้ตำรวจทั่วประเทศรับแจ้งความ ไม่ว่าจะแจ้งความที่ใด ขอประชาสัมพันธ์ว่าหากได้รับความเสียหาย ขอให้มาแจ้งความได้ 3 ช่องทาง 1.เดินทางเข้าแจ้งด้วยตัวเอง ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน บก.ปคบ.ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ บช.ก. 2.แจ้งความที่สถานีตำรวจใดก็ได้ และ 3.แจ้งความผ่านระบบออนไลน์ทางเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th

ถึงใครดำเนินคดีเด็ดขาด

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวด้วยว่า ขอยืนยันตำรวจจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามสั่งการของรัฐบาลให้ตำรวจติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการแก้ไขปัญหาให้กับคดีความต่างๆ และทำคดีแบบตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน หากเกี่ยวข้องกับใครจะดำเนินการโดยเด็ดขาด ขอเวลาตำรวจทำงาน คาดอีกไม่นานจะสรุปผลคดีได้แน่

“จิราพร” กระตุ้นเหยื่อแจ้งความ

ที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ถนนพิษณุโลก เช้าวันเดียวกัน น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับผู้ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่า ขณะนี้มีผู้เข้ามาร้องทุกข์กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 504 ราย ยอดความเสียหาย 118 ล้านบาท ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง สคบ.เข้าไปร่วมสอบสวน เพื่อเร่งสืบหาข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด เสาร์อาทิตย์เราไม่ได้หยุดทำงาน สำหรับผู้เสียหายไม่ว่าอยู่พื้นที่ใดสามารถร้องเรียนได้ที่สถานีตำรวจในท้องที่ของตนเอง และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ1599

ส่อโอนคดีให้ดีเอสไอ

ผู้สื่อข่าวถามจำนวนผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษ จะให้คดีนี้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ น.ส.จิราพรกล่าวว่า ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามาช่วยดูแลคดีนี้ แม้หลักเกณฑ์จะเข้าเงื่อนไข แต่จะยกเป็นคดีพิเศษอยู่ที่การพิจารณาของดีเอสไอ ตอนนี้ดีเอสไอเข้ามาร่วมตรวจสอบ แต่ถือว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพในการดูแลคดีอยู่

เต้นตรวจสอบสินบนเทวดา

ถามว่ากรณีคลิปเสียงปริศนาพาดพิง สคบ.ระบุว่า มีการติดสินบนเทวดา สคบ. น.ส.จิราพรกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานหน่วยงานมาตรวจสอบ เพราะอยากให้คนนอกเข้ามาร่วมเพื่อให้โปร่งใสและเป็นธรรมมากที่สุด วันที่ 15 ต.ค.นี้จะแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว ถามถึงกรณีมอบโล่รางวัลให้ดิ ไอคอน กรุ๊ป กลายเป็นการการันตีบริษัท เรามีนโยบายเรื่องนี้อย่างไร น.ส.จิราพรกล่าวว่า บริษัทดังกล่าวบริจาคหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ช่วงโควิดปี 63 และช่วงการสัมมนาของคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร สคบ.ส่งตัวแทนไปเป็นวิทยากรร่วม มีการเสนอชื่อรับรางวัลปี 64 แต่เนื่องจากโควิดจึงรับรางวัลในปี 65 เป็นรางวัลการสร้างสาธารณประโยชน์ ไม่ได้เป็นรางวัลเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ ตนให้ สคบ.กลับไปดูข้อเท็จจริงว่าบริษัทนำรางวัลไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ เช่น ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าประกอบธุรกิจดีจนได้รับรางวัล หากผิดลักษณะนี้จะขอให้เรียกรางวัลคืน

ลั่น สคบ.ต้องปรับตัว

ถามถึงกรณีนักแสดงที่เป็นพรีเซนเตอร์ดิ ไอคอนพยายามออกมาให้ข้อมูลว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นแค่พรีเซนเตอร์ทำให้พ้นผิดหรือไม่ น.ส.จิราพรกล่าวว่า เป็นสิทธิการชี้แจง แต่ทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขณะนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีข้อหาชัดเจนคงขยายผลต่อไป อย่างไรก็ตามธุรกิจเช่นนี้เคยมีปัญหาในอดีตและมีการพัฒนาตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป หน่วยงานราชการต้องพัฒนาตัวเองตาม สคบ.เร่งทำประเด็นที่เกี่ยวข้องกับตัวเองให้ชัดเจนที่สุด เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนโดยเร็ว ระยะยาวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาบูรณาการรับมือสิ่งที่เกิดขึ้น ดูกฎหมายบางตัวที่ล้าสมัยไม่ทันเหตุการณ์ ส่วนต้องทำงานเชิงรุกหรือไม่ ตนกำชับ สคบ.ไปว่า เราถือกฎหมายขายตรงและตลาดแบบตรง และกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค หากอนุญาตประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงต้องตรวจสอบตลอด เพราะเท่าที่ดูเป็นลักษณะให้บริษัทแจ้งงบการเงิน แต่ไม่ได้ตรวจสอบเชิงรุก ตรงนี้อยากให้แก้ไข

“บอสหมอเอก” ไม่ได้เป็นหมอ

นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยว่า มอบหมายให้กลุ่มตรวจสอบและปราบปรามการกระทำความผิดทางโซเชียล กองกฎหมาย ตรวจสอบข่าวที่ปรากฏในสื่อมวลชน เกี่ยวกับกรณีหมอคนดังแอบอ้างเป็นแพทย์ของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด เจ้าหน้าที่ สบส.ตรวจสอบและสืบสวนแล้วพบว่า “หมอเอก” หรือนายฐานานนท์ (สงวนนามสกุล) อ้างตนเป็นแพทย์ของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป เป็นนักประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ แต่ใบประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์หมดอายุ และจากการตรวจสอบรายชื่อแพทย์จากฐานข้อมูลแพทยสภาพบว่า หมอเอกไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมแต่อย่างใด

เอาผิดข้อหาหมอ–สถานพยาบาลเถื่อน

“ดังนั้นการตรวจร่างกายและฟังเสียงหัวใจของหมอเอกตามที่ปรากฏในสื่อ เข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม 2525 มาตรา 26 ฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ขึ้นทะเบียนและได้รับอนุญาต (หมอเถื่อน) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งสถานที่ให้บริการตรวจรักษาก็ไม่ได้ขออนุญาตและขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาล เข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล 2541 และแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 16 และ 24 ฐานประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต (คลินิกเถื่อน) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สบส.จะประสานแพทยสภา สภาเทคนิคการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” อธิบดี สบส.กล่าว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *