สำหรับโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟสใหม่ ซึ่งกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อยู่ระหว่างเตรียมการ จะมีการปรับปรุงจากเดิมที่รัฐจ่ายให้ 40% ประชาชนจ่ายเอง 60% ในความเห็นส่วนตัวอยากให้จ่ายคนละครึ่งเลยคือ รัฐช่วยจ่าย 50% และประชาชนจ่ายเอง 50%

โดยเตรียมหารือร่วมกับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เพื่อพิจารณางบประมาณใช้ในโครงการ ซึ่งต้องหารือกันว่าครั้งนี้จะใช้เท่าใด ถ้าเทียบกับเดิมที่รัฐบาลเคยทำโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ในปี 2563-2566 รวม 5 เฟส ใช้งบทั้งสิ้น 24,016 ล้านบาท ส่งผลทางตรงสู่ระบบเศรษฐกิจ 58,621 ล้านบาท โดยเมื่อได้ข้อสรุปจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ไตรมาส 1 ปี 2568 เพื่อให้ทันช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว(โลว์ซีซั่น) ซึ่งน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สนับสนุนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอยู่แล้ว และรับปากจะหางบประมาณให้

“โครงการที่จัดทำในรอบนี้อยู่ระหว่างการตั้งชื่อ โดยจะมีการปิดช่องว่างในอดีต โดยเฉพาะการป้องกันทุจริต ไม่ว่าจะเป็นการโกงการเข้าพักจริง จำนวนห้องพักที่ถูกใช้มากเกินกว่าจำนวนที่มีจริง และจะต้องซื้อแพ็คเกจผ่านแพลตฟอร์มที่ ททท. จัดทำขึ้นเท่านั้น”

รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวด้วยว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 22 ต.ค.2567 กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา จะนำเสนอให้ทบทวนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ในไทยให้สามารถขอคืนเงิน (cash rebate) จากเดิม 20% เป็น 30% โดยไม่กำหนดวงเงินลงทุนสูงสุด จากเดิมคืนให้สูงสุด 150 ล้านบาท เพราะที่ผ่านมามีภาพยนตร์ที่มาลงทุนสร้างในไทยวงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท เพียง 2 เรื่องเท่านั้น

นางฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ที่ลิซ่า ร็อคสตาร์- ลลิษา มโนบาล ได้คอนเฟิร์มขึ้นเวทีเคาต์ดาวน์ ในงาน Amazing Thailand Countdown 2025 ที่ไอคอน สยาม ตามที่นายสรวงศ์เปิดเผยนั้น ทาง ททท. ไม่ได้จ่ายเงินค่าตัว โดยทางเอกชนจะเป็นคนจ่ายเอง