มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดชื่อยี่ห้อ-ร้านค้า องุ่นไชน์มัสแคท หลังสุ่มตรวจ 24 ตัวอย่างเจอสารพิษตกค้าง 50 ชนิด ขายเกลื่อนบนห้างดัง
วันที่ 25 ต.ค.2567 ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN) ร่วมกับนิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แถลงผลทดสอบสารเคมีเกษตรในองุ่นไชน์มัสแคททั่วกรุงเทพและปริมณฑล เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.ทัศนีย์ แน่นอุดร บรรณาธิการนิตยสารฉลาดซื้อ กล่าวว่า มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โดยนิตยสารฉลาดซื้อ มีพันธกิจเฝ้าระวังคุณภาพสินค้าและบริการมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ฉลาดซื้อได้รับคำถามและข้อเสนอจากผู้บริโภค ว่า องุ่นไชน์มัสแคทที่มีขายอยู่ทั่วไปในช่วงเวลานี้ มีโปรโมชันและการเชิญชวนให้ซื้อมาก ๆ เช่น การลดราคาหรือการแถมแบบ ซื้อ 1 กล่องแถม 1 กล่อง เป็นต้น
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดชื่อยี่ห้อ-ร้านค้า องุ่นไชน์มัสแคท หลังสุ่มตรวจ 24 ตัวอย่างเจอสารพิษตกค้าง 50 ชนิด ขายเกลื่อนบนห้างดัง
น.ส.ทัศนีย์ กล่าวต่อว่า อีกทั้ง ยังมีวางจำหน่ายไปทั่ว ทั้งในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ร้านสะดวกซื้อ รถเร่ แผงข้างทางและร้านค้าออนไลน์ ซึ่งผู้บริโภคส่วนหนึ่งกังวลว่าจะมีความเสี่ยงในเรื่องของสารพิษตกค้างหรือไม่ ฉลาดซื้อจึงชวนเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN) มาร่วมกันตรวจสารพิษตกค้างในองุ่นไชน์มัสแคท
น.ส.ทัศนีย์ กล่าวอีกว่า การเก็บตัวอย่างองุ่นไชน์มัสแคทครั้งนี้ เก็บองุ่นไชน์มัสแคททั้งหมด 24 ตัวอย่าง จาก 15 สถานที่จำหน่ายในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ดังนี้
บิ๊กซี สาขาบางปะกอก ยี่ห้อรูปพวงองุ่นมีอักษรภาษาญี่ปุ่น
ท็อปส์ สาขาเซ็นจูรี่ พลาซ่า อนุสาวรีชัยสมรภูมิ ยี่ห้อ FRESH NATURAL
โลตัส สาขาบางปะกอก ยี่ห้อ Fresh Buddy และ Only at Lotus’s
แม็คโคร สาขาตลาดรุ่งโรจน์ คลอง 4 ยี่ห้อ Rose Aroma
วิลล่ามาร์เก็ท สาขาอารีย์ ยี่ห้อ Fresh Fruit
แม็กซ์แวลู เกทเวย์ เอกมัย เก็บมาทั้งหมด 4 ยี่ห้อ ได้แก่ Lara, Sunshine Rose พวงองุ่นเขียว, เจมี่ฮิลล์, SUNSHINE ROSE รูปใบไม้
GOURMET MARKET สยามพารากอน รวม 3 ตัวอย่างได้แก่ ยี่ห้อ R-Rao ปลาสีทอง, เพนกวินฟาร์ม, ซูเปอร์เกรฟ
GO WHOLESALE สาขารังสิต 2 ตัวอย่าง คือ ยี่ห้อรูปพวงองุ่นมีอักษรภาษาญี่ปุ่น, YO
ร้านผลไม้ ย่านอนุสาวรีชัยสมรภูมิ ยี่ห้อ Califresh
ร้านผลไม้ ตลาดสี่มุมเมือง ไม่ติดยี่ห้อ
ร้านผลไม้ ตลาดไท 2 ตัวอย่างได้แก่ ยี่ห้อ R-Rao, ยี่ห้อรูปใบไม้
ร้านผลไม้ ตลาดไอยรา 2 ตัวอย่าง ได้แก่ ยี่ห้อบูติกเกรฟ, ซันไชน์โรด FTL หัวกวาง
ร้านผลไม้ ตลาด อตก. ยี่ห้อซันไชน์โรด FTL หัวกวาง
ร้านขายผลไม้ออนไลน์ เพจ Freshket (ไม่ติดยี่ห้อ)
ร้านขายผลไม้ออนไลน์ Fruitage (ไม่ติดยี่ห้อ)
น.ส.ทัศนีย์ กล่าวว่า โดยเก็บตัวอย่างในวันที่ 2-3 ต.ค. อาสาสมัครเก็บตัวอย่างองุ่นไชน์มัสแคทจากสถานที่จำหน่ายตามแผนการเก็บตัวอย่าง โดยเลือกซื้อทั้งแบบแพ็กเกจที่มีการระบุยี่ห้อ ที่มีฉลากระบุผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่าย และแบบวางขายในชั้นวางของแหล่งจำหน่ายโดยไม่ได้ระบุยี่ห้อ
น.ส.ทัศนีย์ กล่าวต่อว่า ซึ่งมีราคาตั้งแต่กิโลกรัมละ 100 ถึง 699 บาท ดังนั้นบางตัวอย่างอาจพบว่า เป็นยี่ห้อที่ซ้ำกัน แต่ก็มาจากแหล่งจำหน่ายต่างสถานที่กัน
ด้าน น.ส.ปรกชล อู๋ทรัพย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN) กล่าวว่า หลังจากเก็บตัวอย่างแล้วได้ส่งตัวอย่างองุ่นไชน์มัสแคททั้ง 24 ตัวอย่าง ไปยังห้องปฏิบัติการ BVAQ ซึ่งได้การรับรอง ISO 17025 เพื่อวิเคราะห์หาสารพิษตกค้างจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
อ่านข่าว : ผงะ องุ่นไชน์มัสแคท เจอสารพิษตกค้าง 50 ชนิด หลังสุ่มตรวจ ทั่วกทม.ปริมณฑล
น.ส.ปรกชล กล่าวต่อว่า โดยมีขอบเขตการวิเคราะห์สารพิษตกค้าง 419 รายการ และแปลผลการวิเคราะห์โดยอ้างอิงพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 387, 393, 419 และ 449 เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง
น.ส.ปรกชล กล่าวอีกว่า ซึ่งกำหนดให้อาหารที่มีสารพิษตกค้างต้องมีมาตรฐาน โดยตรวจไม่พบวัตถุอันตรายทางการเกษตร ชนิดที่ 4 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย เว้นแต่วัตถุอันตรายทางการเกษตรชนิดอื่นให้เป็น ดังนี้
- ปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Limit; MRL)
- ปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุดโดย Codex Alimentarius Commission (Codex MRL) โดยใช้เกณฑ์การจำแนกกลุ่มสินค้าเกษตรตามาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ. 9045-2559 การจัดกลุ่มสินค้าเกษตร: พืช
- ค่าดีฟอลต์ลิมิต (default limit)
- ปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุดที่ปนเปื้อนจากสาเหตุที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ (Extraneous Maximum Residue Limit; EMRL)
น.ส.ปรกชล กล่าวต่อว่า ข้อค้นพบสำคัญของการเฝ้าระวังสารพิษตกค้างในองุ่นไชน์มัสแคท ได้แก่
1.ประเทศผู้ผลิตองุ่นไชน์มัสแคท 24 ตัวอย่าง ที่สุ่มซื้อมาจากการสั่งออนไลน์ 2 ตัวอย่าง มาจากร้านค้าและตลาด 7 ตัวอย่าง และจากโมเดิร์นเทรด 15 ตัวอย่าง สามารถระบุได้เพียง 9 ตัวอย่างว่ามาจากประเทศจีน อีก 15 ตัวอย่างไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้
2.ร้อยละ 95.8 ของตัวอย่างองุ่นไชน์มัสแคทหรือ 23 จาก 24 ตัวอย่าง พบสารพิษตกค้างเกินค่าที่กฎหมายกำหนด แบ่งเป็น 2 กรณี คือ 1.องุ่น 1 ตัวอย่าง พบสารคลอร์ไพริฟอสซึ่งเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ทั้งนี้ ตามกฎหมายต้องตรวจไม่พบเนื่องจากยกเลิกค่า MRL แล้ว
2.องุ่นอีก 22 ตัวอย่าง พบสารพิษตกค้าง 14 ชนิด เกินค่าดีฟอลต์ลิมิต (สารพิษตกค้างที่ไม่มีค่า MRL ตามกฎหมายกำหนดให้พบได้ไม่เกินค่าดีฟอลต์ลิมิต 0.01 mg/kg) ซึ่งสารเหล่านี้อาจยังไม่มีการประเมินความปลอดภัย
ได้แก่ Procymidone, Imazalil, Thiamethoxam, Tetraconazole, Chlorfenapyr, Flonicamid, Ethirimol, Pyriproxyfen, Lufenuron, Bupirimate, Prochloraz, Hexaconazole, Bromacil และ Isopyrazam
3.พบสารพิษตกค้างทั้งหมด 50 ชนิด พบว่าเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 จำนวน 26 ชนิด เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ยกเลิกการใช้ในประเทศไทย จำนวน 2 ชนิด ได้แก่ Chlorpyrifos และ Endrin aldehyde และเป็นสารที่อยู่นอกบัญชีวัตถุอันตรายมากถึง 22 ชนิด ซึ่งเป็นสารที่ยังไม่มีการประเมินใดๆภายใต้กฎหมายไทย ได้แก่
Triasulfuron, Cyflumetofen, Chlorantraniliprole, Flonicamid, Etoxazole, Spirotetramat, Bifenazate, Dinotefuran, Fluopyram, Boscalid, Fluopicolide, Pyrimethanil, Ametoctradin, Tetraconazole, Ethirimol, Metrafenone, Fludioxonil, Bupirimate, Isopyrazam, Oxathiapiprolin, Biphenyl และ Cyazofamid
4.จากสารพิษตกค้าง 50 ชนิด มีสารประเภทดูดซึม (Systemic pesticide) 37 ชนิด หรือคิดเป็นร้อยละ 74 ของสารพิษตกค้าง โดยสารกลุ่มนี้มีโอกาสตกค้างอยู่ในเนื้อเยื่อขององุ่น ซึ่งการล้างสารกลุ่มนี้ออกจากเนื้อเยื่อพืชคงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้โดยง่าย
5.องุ่นไชน์มัสแคทแต่ละตัวอย่างพบสารพิษตกค้างระหว่าง 7-18 ชนิด โดยจำนวน 23 จาก 24 ตัวอย่างพบสารพิษตกค้างเกินค่าที่กฎหมายกำหนด 1-6 ชนิด
น.ส.ปรกชล กล่าวด้วยว่า ข้อเสนอต่อเอกชน คือ 1.ห้างโมเดิร์นเทรดและผู้จำหน่ายองุ่นไชน์มัสแคทล็อตที่มีการสุ่มตัวอย่างและพบสารพิษตกค้างเกินค่าที่กฎหมายกำหนด ควรแสดงความรับผิดชอบ ดังนี้
หากยังมีองุ่นล็อตดังกล่าวเหลืออยู่ควรจัดเก็บออกจากชั้นวาง, หากจำหน่ายองุ่นล็อตดังกล่าวไปหมดแล้วควรแถลงมาตรการที่ชัดเจนกับซัพพลายเออร์และแหล่งผลิตที่มีสารพิษตกค้างเกินมาตรฐาน เช่น ผู้ประกอบการต้องยกเลิกการนำเข้าจากซัพพลายเออร์และแหล่งผลิตนั้นเมื่อมีการกระทำผิดซ้ำอีก
2.ผู้ประกอบการนำเข้า ห้างโมเดิร์นเทรดและผู้จำหน่ายต้องระบุแหล่งที่มา/ประเทศต้นทางของสินค้านำเข้า เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้เมื่อเกิดปัญหา
น.ส.ปรกชล กล่าวต่อว่า ข้อเสนอต่อกระทรวงสาธารณสุข 1.กรณีอาหารนำเข้า เช่น องุ่นและสินค้าอื่นที่มีความเสี่ยงพบสารพิษตกค้างสูง ดำเนินการให้ใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎระเบียบและกฎหมายที่มีอยู่กำหนดผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายต้องติดฉลากแสดงที่มา/ประเทศต้นทาง
และเพิ่มมาตรการในการรับประกันคุณภาพความปลอดภัย เช่น สินค้านำเข้าต้องมี GAP (เช่นเดียวกับที่ประเทศต้นทางดำเนินการกับสินค้าเกษตรที่ประเทศไทยส่งออก)
2.สร้างระบบ Rapid Alert System ที่ตอบสนองต่อสถานการณ์แบบนี้อย่างรวดเร็ว โดยเป็นระบบที่เผยแพร่ผลการวิเคราะห์สารพิษตกค้างที่เป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาการจากหน่วยงานภาคีทุกภาคส่วนอย่างเร่งด่วน และมีมาตรการในการจัดการปัญหาตลอดห่วงโซ่ ตั้งแต่ประเทศต้นทาง ผู้นำเข้า ซัพพลายเออร์ ผู้จัดจำหน่าย
รวมถึงผู้บริโภคแล้ว เช่น การแจ้งให้ทราบ การเรียกคืน การทำลายสินค้า ทันทีที่ตรวจพบ รวมทั้งการเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจวิเคราะห์จากประเทศต้นทางหรือแหล่งผลิตที่พบว่ามีความเสี่ยงสูง
และ 3.พิจารณาแนวทางในการควบคุมหรือกำหนดมาตรฐานสารพิษตกค้างในอาหาร สำหรับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่อยู่นอกบัญชีวัตถุอันตรายของประเทศไทย
น.ส.ปรกชล กล่าวว่า ข้อเสนอระยะ 3-5 ปีต่อรัฐบาล 1.กำหนดเป้าหมายความปลอดภัยของผักผลไม้ โดยในปี 2573 ผักผลไม้ที่จำหน่ายในประเทศไทย มีสารพิษตกค้างเกินค่ามาตรฐาน ไม่เกินร้อยละ 5
2.กำหนดเป้าหมายและงบประมาณในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังเพื่อยกระดับความปลอดภัยทางอาหาร โดยในปี 2571 ประเทศไทยมีระบบ Rapid Alert System เพื่อให้เกิดการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนเร่งด่วนที่มีประสิทธิภาพ เท่าทันต่อสถานการณ์ และมีกลไกการเชื่อมต่อข้อมูลและติดตามการจัดการปัญหาตลอดห่วงโซ่
ภญ.สุภาวดี ธีระวัฒน์สกุล ผู้อำนวยการกองอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า จากผลการตรวจวิเคราะห์องุ่นในครั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าสารตกค้างที่พบส่วนใหญ่เป็นสารที่ไม่มีกำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุข หรือ CODEX ทำให้ไม่มีปริมาณสูงสุดที่ยอมรับได้ หรือค่า MRL
จึงต้องไปใช้ค่า default limit แทน ซึ่งกำหนดค่าไม่เกิน 0.01 ppm ทำให้ตกมาตรฐาน โดยที่สารเหล่านี้ไม่มีข้อมูลการประเมินความปลอดภัยของปริมาณสารตกค้างสูงสุดที่ยอมรับได้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ อย. ต้องนำมาใช้วิเคราะห์หามาตรการเฝ้าระวังความปลอดภัยให้ผู้บริโภคต่อไป