หลังเมื่อวานนี้ รายการโหนกระแส ได้พูดคุยกันในประเด็นร้อนเรื่องใหม่ กรณี หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง หลอกทำพิธี พูดจาหว่านล้อมให้โรยพระผง กระดูกผีรอบบ้านเสริมมงคล ให้ซื้อที่ดินทำสุสานต่ออายุ สั่งหิน สั่งสิงห์ สั่งกิเลน นำเข้าจากเมืองจีน จนผู้เสียหายรายนี้ สูญเงินไปรวมกว่า 66 ล้านบาท ก่อนที่จะมีผู้เสียหายอีกจำนวนมาก แห่กันมาที่อาคารมาลีนนท์ในระหว่างออกอากาศสด เพราะเป็นผู้เสียหายจากหมอดูรายนี้เหมือนกัน
ขณะที่ อ.อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย หมอดูที่ถูกพาดพิงถึง ได้โฟนอินมาเปิดใจที่แรกในโหนกระแส เจ้าตัวยืนยัน หากใครต้องการเงินคืนยินดีคืนทุกราย แต่ไม่มีคำตอบชัดเจนว่าเงินไปอยู่ที่ไหน และเมื่อถามถึงหลักฐานต่างๆ เจ้าตัวบอกว่ากำลังรวบรวมอยู่ และจะนำออกมาแถลงทีเดียว
แต่ล่าสุด ได้รับการยืนยันจาก ตำรวจสอบสวนกลาง ว่าได้รับเรื่องนี้เป็นคดีแล้ว ทำให้เชื่อได้ว่าจะไม่ได้เป็นเรื่องเล็กแน่นอน เพราะผู้เสียหายมารวมตัวกันเยอะ และมูลค่าความเสียหายแต่ละรายก็ไม่ใช่น้อยๆ
โหนกระแสวันนี้ ยังต้องมาคุยกันต่อกรณีหมอดูฮวงจุ้ย ซึ่งยังมีอีกหลายประเด็นให้ทุกคนได้ตั้งใจเรียนกันต่อ
ผู้เสียหายที่มาในวันนี้ คือคุณชัชพร เป็นคนที่ไปดูฮวงจุ้ยกับอาจารย์อ๊อด ธนวันต์ เขาบอกว่าฮวงจุ้ยที่บ้านไม่ดี ทำให้คนที่บ้านเจ็บป่วย ตั้งให้สั่งสิงห์ 2 ตัวจากเขา ตกลงกันในราคา 1.6 ล้านบาท โดยคุณชัชพรจ่ายเงินไปแล้ว 9 แสนบาท โดยจ่ายด้วยการโอน 5 แสนบาท จ่ายเงินสดอีก 4 แสนบาท แต่ทวงถามแล้วผ่านไปหลายเดือนก็ยังไม่ได้ จนบอกเขาไปว่าขอยกเลิกได้ไหม อาจารย์ก็บอกว่า ยกเลิกได้ แต่ต้องรอให้ลูกศิษย์คนอื่นมารับซื้อสิงห์คู่นี้ไป ถึงจะคืนเงินให้ได้ เพราะสิงห์สั่งมาตามออเดอร์ ถ้ามีคนยกเลิก ต้องให้คนอื่นมารับไปแทน
ขณะที่ ผู้เสียหายอีกหลายคน เล่าเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันเลยว่า ถูกโน้มน้าวให้สั่งสิงห์มาตั้งหน้าบ้าน ปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บที่คนในบ้านเป็นอยู่ โดยพอโอนเงินไปแล้ว ก็มีการติดต่อกลับมาอีกครั้งว่า จะมีส่วนลดให้ จะคืนเงินให้ แต่ต้องโอนเงินเพิ่มไปให้เขา่อน เพื่อทำบัญชี แล้วจะ refund เงินออกมาให้ แต่สุดท้าย ไม่ได้ทั้งเงิน ไม่ได้ทั้งสิงห์
ส่วนคุณโอ๊ต ผู้เสียหายที่เป็นผู้เล่นพระเครื่อง เล่าว่า มีผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนใกล้ตัวของอาจารย์ธนวันต์ ติดต่อมาขอดูพระเครื่องที่ตนจะปล่อย เขามานัดเจอ ขอดู ถูกใจ แล้วซื้อพระเครื่องของตนไปองค์แรก 1.2 ล้านบาท องค์แรกจ่ายเงินกันเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไร
ต่อมาเขามานัดขอดูพระอีก ก็มีการแนะนำกันไปอีกหลายองค์ เขาก็ชอบ แล้วรับไปหลายองค์ รอบสองนี้ยอดประมาณ 2 ล้านกว่าบาท แต่ยังไม่ได้จ่ายเงินสด เขาบอกว่าจะทยอยโอนให้เดือนละ 7 แสนบาท แต่ไม่เคยได้เงิน
ต่อมารอบสาม ก็มาดูอีก ก็ได้พระไปอีก ทั้งที่ยอดเก่าไม่ได้เงิน รวมๆ ค่าพระ 6.3 ล้านบาท อาจารย์ยังมาขอยืมเงินไปอีก รวมดอกเบี้ยประมาณ 3 ล้าน รวมๆ แล้ว 9 ล้านกว่าบาท
คุณโอ๊ตมาทราบภายหลังว่า เขาเอาพระที่ได้จากตนไป ไปจำนำกับน้องในวงการพระเครื่องคนหนึ่ง แล้วไม่ยอมจ่ายดอกเบี้ยให้เขา ทางน้องที่รับจำนำพระ เขายังมาถามตนว่า พระเหล่านี้เป็นพระของตนใช่ไหม จนมารู้เรื่องความแตก ว่าเขาเอาพระเราไป ไม่จ่ายเงิน แต่เอาไปจำนำ พอทราบเรื่อง ก็โทรไปหา โทรไปถามอาจารย์คนนี้ เขาก็จะบอกว่าอยู่ต่างประเทศ อยู่โรงพยาบาล อ้างไปเรื่อยสารพัด
สิ่งที่ทำให้หลงเชื่อาจารย์ฮวงจุ้ยคนนี้ ก็เพราะว่าเขาโปรไฟล์ดี เขาพูดจาน่าเชื่อถือ ที่มานั่งพูดคุย นั่งทานข้าวกัน เขาดูน่าเชื่อถือไปหมด ไม่คิดว่าเขาจะมาหลอกลวง ก็เลยยอมให้เขไปขนาดนี้
โดยอาจารย์ธนวันต์ยังจ่ายเช็คมาให้คุณโอ๊ต สองใบ แต่เป็นเช็คเด้ง ที่ผ่านมา คุณโอ๊ตตองดิ้นรน เอาทรัพย์สินที่มีไปขาย ไปใช้หนี้ให้เพื่อนที่หุ้นพระเครื่องกัน เนื่องจากพระที่ขายให้อาจารย์ไป ต้องแบ่งกำไรกัน แล้วก็มีหนี้ มีอะไรต้องรับผิดชอบ
ตั้งแต่ช่วงแรก ตนไม่ได้ไปแจ้งความ เพราะอาจารย์ทยอยโอนเล็กโอนน้อยมาให้ตนตลอด มาขาดการติดต่อไปช่วงปีหลัง จนตนซึมเศร้า แล้วไปปรึกษา คุณตุ๊กกี้ สุดารัตน์ คุณตุ๊กกี้เขาโทรหาใครสักคนเพื่อช่วยเรา แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนโทรมาหาตน คือทนายไพศาล
ทนายไพศาลชี้แจงในประเด็นของตัวเองว่า อาจารย์ฮวงจุ้ยเขามาติดต่อตนว่า จะฟ้องคน 2 คน คนแรกคือตุ๊กกี้ ที่หมิ่นประมาทว่าอาจารย์ไปโกงเงิน โกงพระ และจะฟ้องอีกคนคือเจ้าของพระ ก็คือคุณโอ๊ต
ทนายไพศาลบอกว่า ได้ฟังเรื่องราวแล้ว ยังไม่ได้ตั้งทนายให้เขา ต่างฝ่ายต่างไปวางเช็ค แล้วตนก็ติดต่อไปหาตุ๊กกี้ ผ่านทางน้องที่สนิทคนหนึ่ง ตุ๊กกี้ก็ยืนยันข้อเท็จจริงว่า อาจารย์ฮวงจุ้ยไปเอาพระคุณโอ๊ตเขามาจริงๆ พอข้อเท็จจริงสองฝ่ายไม่ตรงกันแบบนี้ ทนายไพศาลก็เลยแนะนำให้สองฝ่ายเขามาพูดคุยกันก่อนดีว่า
ขณะที่คุณบี เป็นเพื่อนบ้านที่เคยเห็นอาจารย์คนนี้ตั้งอายุน้อยๆ ยังเป็นวัยรุ่น ที่เขาเคยบอกว่าเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยอะไรต่างๆ แต่สิ่งที่เราเคยเห็นเขาสมัยวัยรุ่น เขาเป็นหัวโจก เกเรมาตั้งแต่อายุน้อย เคยเปิดบ่อนการพนัน รับแทงบอลแทงหวย เปิดได้สักพักเขาก็ปิดไป เห็นมาตั้งแต่บ้านเขายังไม่รวย พ่อเขาขับแท็กซี่ แม่ขายแกง
ส่วนที่เขาไปเรียนวิชาฮวงจุ้ย เพราะพ่อเขาขับแท็กซี่ ไปรับลูกค้าที่เป็นซินแส เป็นหมอดู เขาก็เลยให้ลูกเขาไปเรียนกับหมอดูคนนี้ ที่เขาไปอ้างว่าเป็นทายาทรุ่นที่ 15 ถ้าเป็นงั้นจริง ทำไมเขาไม่ทำต่อๆ กันมา แล้วไปขับแท็กซี่ทำไม
ขณะที่คุณวรรณ เพื่อนที่เคยใกล้ชิดกับ อาจารย์ธนวันต์ ตั้งแต่สมัยเรียน เขาเปิดร้านเหล้าชื่อดังหน้ามหาวิทยาลัย โดยตอนนั้นเขาขับรถ Mitsubishi Lancer Evolution คนก็เลยเรียกเขาว่า “อ๊อดอีโว” ตอนนั้นเขาเล่นพนันบอลทุกวัน ทุกคู่ที่ติดตามได้ จนตอนนั้นเขาเป็นหนี้ท่วมตัว มีเจ้าหนี้มาเก็บดอกที่ร้านเป็นประจำ
ตอนมีข่าวขึ้นมาคุณวรรณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นคนเดียวกัน เพราะเขาไม่น่าจะมาทางสายนี้ได้ แต่เขาจะมีรอยสักที่แขน เขาในตอนนี้เปลี่ยนไปจากตอนวัยรุ่นเยอะ แต่จำเขาได้จากรอยสัก เขายังเคยเล่าให้เราฟังเองจากปากเลยว่า พ่อเขาขับแท็กซี่ ได้เรียนรู้ศาสตร์การดูดวงจากลูกค้าที่มานั่งแท็กซี่ แม้แต่พวกรายการต่างๆ ที่ไปถ่ายบ้านเขาตอนที่โด่งดังแล้ว เรายังจำได้อยู่เลยว่า เจ้าหนี้จะมาตามทวงเงินตรงนั้นตรงนี้
ขณะที่คุณไบรท์ คนที่รับจำนำพระจากอาจารย์คนนี้ ซึ่งพระทั้งหมดเป็นของคุณโอ๊ต ได้โฟนอินเข้ามาด้วยความไม่สบายใจ เพราะตนเหมือนกลายไปเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำผิดของอาจารย์รายนี แต่สิ่งที่คุณไบรท์โดนก็คือ เขาเอาพระมาจำนำ ได้เงินสดไป แล้วพอถึงเวลา เอาเช็คมาวาง 7-8 ใบ ไถ่พระคืนไปหมดทุกองค์แล้ว แต่พอเอาไปขึ้นเงิน เช็คเด้งทุกใบ ตนไปแจ้งความเป็นคดีไปหมดแล้ว
เรื่องนี้ยิ่งทำให้เห็นเจตนาฉ้อโกงของเขา ในการหลอกเอาทรัพย์จากคุณโอ๊ตมาแล้ว 1 ชั้น แล้วเอามาหลอกจำนำอีก 1 ชั้น แล้วเอาเช็คเด้งมาวาง เอาพระคืนไปอีกหนึ่งชั้น ทำให้เกิดความเสียหายอีกมากมาย เข้าข่ายฉ้อโกงแน่นอน
แล้วระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ในรายการนั้น ก็มีคนส่งข้อความมาทางรายการ ระบุว่า “รายการโหนกระแสคะ ไหนๆ จะเปิดโปงแล้ว ดิฉันจะเปิดโปงให้ฟังเลยว่า เขาไปจ้างเพื่อนดิฉันสลักหินสิงห์ ที่จ.สระบุรี ไม่ใช่เมืองจีน”
เรื่องนี้ทำเอาครูกะปิร้องเชดโด้อีกครั้ง กลายเป็นมหกรรมการแฉอาจารย์ฮวงจุ้ยคนนี้ เป็นมหกรรมใหญ่จริงๆ